หนุ่ม กรรชัย ปัดเป็นผู้ทรงอิทธิพลในวงการ – ทำงานไม่ใช่แค่เพื่อเรตติ้ง หวังช่วยประชาชนเต็มที่ ในช่วงแรกที่มาเป็นนักข่าวก็มีคนไม่ยอมรับเยอะ แต่ก็มุ่งมั่นพร้อมตั้งใจทำงานเต็มที่
เรียกได้ว่าทุ่มเททั้งแรงกาย และแรงใจเพื่อการทำงานเลยจริง ๆ สำหรับพิธีกรชื่อดัง หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย ที่ได้ผันตัวจากนักแสดงมาเป็นพิธีกร นักข่าวแบบเต็มตัว ที่ไม่ว่าจะขยับตัวทำอะไร ก็ถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลา
หนุ่ม กรรชัย ปัดเป็นผู้ทรงอิทธิพลในวงการ – ทำงานไม่ใช่แค่เพื่อเรตติ้ง
ที่ล่าสุด หนุ่ม ก็ได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องการทำงาน ผ่าน NineEntertain หลังจากที่ผันตัวมาเป็นพิธีกร และนักข่าวแบบเต็มตัว โดยเจ้าตัวได้เล่าถึงกิจวัตรประจำวันในแต่ละวัน พร้อมทั้งบอกว่าตนเองไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลในวงการ ทำงานไม่ได้หวังแค่เรตติ้ง แต่อยากช่วยเหลืออย่างเต็มที่
ทำงานตลอดเวลา?
ทำตลอดเวลา ชีวิตเราแทบจะไม่มีเวลาเลย ตี 5 ครึ่ง 6 โมง ก็มานั่งดูข่าว ดูข่าวเสร็จออกมาทำงาน บางวันก็คุยกับแขกรับเชิญที่มาออกโหนกระแส บางวันก็ดูเรื่องของข่าวที่เราต้องอ่าน คุยกับต้นข่าวเองว่าเป็นยังไง อ่านข่าวตอน 11 โมง ต่อด้วยโหนกระแส เสร็จตอนบ่ายโมงครึ่ง คุยกับลูกค้าต่อก็เสร็จประมาณบ่ายสาม ก็มีเวลากินข้าวถึงสี่โมง เสร็จแล้วก็ไปไทยรัฐ ประมาณทุ่มกว่า แล้วค่อยกลับบ้าน
24 ชั่วโมงเพื่องาน?
ใช่ มันทำอะไรไม่ได้ มันจำเป็น
เวลาส่วนตัว?
ถามว่าเวลาส่วนตัวยังไง มันก็จะมีเวลาเสาร์อาทิตย์พี่ก็มองว่า จันทร์-ศุกร์ มันเป็นงานที่เราต้องทำ แล้วเราต้องรับผิดชอบกับมัน
ทำงานทุ่มเทมาก?
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่างานสายข่าวเนี่ย ตัวพี่เองไม่ได้มาทางนี้โดยตรง พี่เองเป็นคนบันเทิงมาก่อน เล่นละคร พิธีกร พอมาจับงานนี้รู้สึกว่าด้วยความที่เราไม่เคยสัมผัสเลย เราต้องทำการบ้านมากกว่าคนอื่น คนที่เขาเป็นผู้ประกาศอยู่แล้ว เป็นนักข่าวอยู่แล้ว เขาก็จะแบบมีความเชี่ยวชาญกว่าคนอื่น มีทักษะของเขาอยู่ แต่เราไม่มีเลย เหมือนกับให้นักข่าวมาเล่นละครก็จะยาก ให้คนเล่นละครมาเป็นนักข่าวก็ยาก เราต้องเริ่มเรียนรู้ใหม่
ใช่เส้นทางที่วางไว้?
ไม่ใช่วางไว้ เลือกแล้วเลยอยากทำให้มันดีที่สุด ตอนที่เราเข้ามาใหม่ ๆ เราเคยโดนต่อว่าเยอะ คนไม่ยอมรับเยอะ เพราะเราไม่ใช่คนข่าว เราเป็นคนบันเทิงจะมาทำข่าวได้ยังไง เราก็รู้สึกว่าเราต้องทำให้ได้
ยกให้เป็นผู้ทรงอิทธิพลในวงการ?
ไม่ ๆ อย่าไปมองอย่านั้น พี่ไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลในวงการเลย ก็กรรชัยคนเดิมนั่นแหละ ก๊อก ๆ แก๊ก ๆ ไปเรื่อยเปื่อย เพียงแต่ว่าจริง ๆ พี่เชื่อว่าผู้สื่อข่าวทำงานเท่ากัน เหนื่อยเหมือนกัน แต่ตัวพี่เองอาจจะถูกพูดถึงมากหน่อย พี่อาจจะปากหมา มันก็อาจจะแบบมีกระแสอะไรแบบนี้
เสียงของพี่หนุ่มช่วยสังคมได้?
มีคนบอกครับ พี่ก็ดีใจนะ ไม่คิดว่าวันนึงที่แบบได้รับโอกาสมาแล้ว ใช้โอกาสอย่างที่ถูกที่ควร มาช่วยประชาชน ช่วยคนอื่นได้ คือถามว่ามีคนพูดถึงในมุมไม่ดีไหม ก็มีนะครับ ทุกวันนี้ก็มันก็ มีคนรัก และมีคนที่ไม่รัก คนที่ไม่ชอบ มันเป็นของคู่กัน ไม่มีใครมารักเราร้อยเปอร์เซ็นต์ บางคนอาจจะเป็นผู้สื่อข่าวเมื่อก่อนบางคน ใช้คำว่าบางคนนะที่เขาไม่เห็นด้วยกับวิธีการของเรา อย่างเช่นว่า สื่อเป็นสื่อกลางได้ แต่เป็นคนกลางไม่ได้ คำว่าคนกลางคนคอยประสาน ให้คนนี้กับคนนี้ได้เคลียร์กันว่าไม่ใช่หน้าที่ของสื่อ แต่สำหรับพี่เองไม่ได้มองแบบนั้น พี่เข้าใจในมุมมองเขาคือสื่อจริง ๆ แต่ของพี่เองอาจจะมองว่ายุคนนี้มันเป็นเรื่องของมนุษย์ธรรม จริยธรรมในความรู้สึกของเราที่ต้องช่วยเหลือเขาให้สุดทาง ในเมื่อเราไม่ได้อยากจะมาทำข่าวเพื่อเรตติ้งอย่างเดียว แต่ก็ทำเพื่อเขาให้เต็มที่ ในหลาย ๆ อย่างที่จะทำ
มีคนมาขอให้ช่วย?
มีทุกวัน บางเรื่องไม่ใช่กระแส แต่ถ้าเราเอามาออกให้มันเป็นประเด็นมันก็เป็น บางเรื่องมันก็อาจจะไม่สามารถทำเป็นข่าวได้ เรื่องบางเรื่องพี่เข้าใจที่เผชิญอยู่ อาจจะเป็นความทุกข์มากของเขา แต่มันก็อาจจะไม่ได้เป็นประเด็นที่เราต้องหยิบมาเล่นในวันนั้น เช่น ฉันถูกคนนี้โกงเงินไป 5,000 อะไรแบบนี้ ถามว่าเขาเดือดร้อนไหม เดือดร้อน แต่อาจจะยังไม่ใช่ประเด็นขนาดนั้น บางประเด็นต้องเร่งเยียวยา
เวลาคนมาให้ช่วยทำยังไง?
บางทีก็คุยเอง บางทีก็ติดงานให้ทีมงานคุย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- หมดเป็นล้าน! นักร้องชื่อดัง เสพติดการช้อป ถึงขั้นต้องพบจิตแพทย์
- เฉลยแล้ว? หรือว่าหนุ่มน้อยคนนี้ เทรนให้ ‘ชมพู่ อารยา’ ก่อนขึ้นเวทีร้องเพลง
- ก็ขี่หลังไปเลยสิคะ ‘ก็อต’ อวดโมเมนต์หวาน ‘ริชชี่’ คนโสดมองค้อนแล้ว!
