Entertainment

อ้อย กะท้อน ชีวิตพลิกผัน ไม่มีเงินจ่ายค่าผ่าตัด ช้ำหนักถึงขั้นเลิกร้องเพลง

อ้อย กะท้อน ดังระดับซุปเปอร์สตาร์แต่ไม่มีเงินจ่ายค่าผ่าตัด

ช้ำหนักถึงขั้นเลิกร้องเพลง

         ถ้าย้อนกลับไปราว 30 กว่าปีก่อน นักร้องหญิงเพื่อชีวิตที่ดังระเบิดในตอนนั้นก็คือ อ้อย กะท้อน เจ้าของเพลงฮิตตลอดกาล “สาวรำวง” แต่ใครจะรู้ว่าตอนนั้นเธอหลงระเริงไปกับชื่อเสียงขั้นสุด ทั้งเลือกรับงาน ทั้งใช้เงินไปกับการดูแลครอบครัวและซื้อของที่ตัวเองเคยอยากได้จนเงินเก็บแทบไม่มี จนกระทั่งเจอวิกฤติต้องผ่าตัดมดลูก เจ้าตัวถึงกับเผยว่าอยากตายเพราะไร้เงินรักษา แต่ได้เจอคนใจดีที่ให้เงิน 4 แสน มาแบบไม่หวังผลตอบแทน สารพัดเรื่องราวในชีวิตที่พลิกผันของนักร้องดัง มาเปิดเผยที่นี่ในรายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561

batch 403 3

ถาม รู้สึกเป็นเกียรติเป็นศรียิ่งนัก ย้อนกลับไปในตอนนั้นที่แบบต้องบอกว่าที่เป็นปรากฏการณ์กับเพลง สาวรำวง อันนี้คือการแจ้งเกิดของเราจากอัลบั้มชุดแรกเปรี้ยงขึ้นมาเลยไหม หรือว่าเราร้องเพลงมาก่อน ?

อ้อย ร้องเพลงมาก่อนหน้านั้น ใช้ชื่อวงว่าวง สองวัย ตอนนั้นเป็นเพลงเด็ก ตอนสมัยสโมสรผึ้งน้อย พี่เป็นสมาชิกสโมสรผึ้งน้อยยุคแรก  แล้วเราก็ร้องเจ้าผีเสื้อเอย โอ้โอเจ้าผีเสื้อเอย ก่อนเคยถลาเล่นลม แล้วก็  กอบ กิ๊บ กอบ กิ๊บ กอบ กิ๊บ กอบ กิ๊บ กอบ ลูกหมูใส่รองเท้า ตอนนั้นที่ร้อง 10 ขวบ ทำเพลงเด็กมาก่อน

ถาม คือเริ่มต้นจากตรงนั้น แล้วเราก็เลยยึดมาเป็นอาชีพหลักเลยไหมตอนนั้น ?

อ้อย คือตอนนั้น ความที่เป็นเด็กแล้วออกรายการสโมสรผึ้งน้อยใช่ไหม เราไม่มีเงิน ตอนนั้นเราเด็ก แล้วก็แม่แม่กับพ่อแยกกัน แล้วทีนี้แม่ทำงานเลี้ยงเรากับน้องสาวคนเดียว แม่เลี้ยงมา แล้วก็เห็นแม่แบบลำบาก แล้วเป็นคนชอบแบบทำนู่นทำนี่ร้องรำทำเพลงเป็นเด็กที่แบบ Hyper แล้วก็เลยสมัครไปสโมสรผึ้งน้อย สมัครเองเขียนจดหมายไปสมัครเอง แล้วก็ได้ อาทิตย์นึงสมัยตอนละ 10 ขวบแล้ว ได้อาทิตย์ละ 100 เยอะนะตอนนั้นน่ะ ไปออกรายการที่สนามเป้า อาทิตย์ละ 100 และเราก็เก็บมาเรื่อยๆ แล้วเราก็เอาเงินนั้นน่ะมาซื้อรองเท้านักเรียน ซื้อกระเป๋านักเรียนแล้วก็ซื้อของที่เราอยากได้ในยุคนั้น เพราะแม่ซื้อให้ไม่ได้แม่ไม่มีเงิน ส่งตัวเองเรียน

ถาม แล้วตอนที่เราเปลี่ยนมาเป็นอ้อยกะท้อน

อ้อย ร้องเพลงเด็กอยู่สักพักนึงจนอายุประมาณ 14-15 แล้วเราจะมา 15 เราจะมาร้อง กอบ กิ๊บ กอบ มันก็ไม่ใช่ไง วัยมันก็เลยแล้วไง แล้วตอนนั้น น้าซู เคยทำกับสองวัย ชื่อวงสองวัยเนอะ เลยชวนมาทำวงใหม่ก็เลยบอก “..อ้อยมาร้องเพลงด้วยกันไหม” ก็ไป พอไปปุ๊บก็เนี่ยเป็น วงกะท้อน เกิดขึ้นมา

อ้อย :  สาวรำวง ตอนนั้นเอาไปให้ค่ายดังๆเขายังไม่เอาเลย แล้วทีนี้พอมีค่ายเล็กๆชื่อ ครีเอเทีย ที่อยู่กับพี่ปั่น-ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว,พี่อุ้ย- รวิวรรณ จินดา สมัยก่อนนั้นน่ะอยู่ค่ายเดียวกัน เจี๊ยบ-ปวีณา ชารีฟสกุล แต่ก่อนอยู่ค่ายเดียวกัน ตอนแรกที่เขาฟังเขาก็ไม่ได้ชอบ แต่เขามองเห็นโอกาสว่า มันไม่มีเพลงแบบนี้ในตลาด เขาก็เลยทำเป็นเพื่อชีวิต จริงๆกะท้อนเนี่ย ก.ไก่ สระอะแล้วก็ท.ทหาร ไม้โท น.หนู ไม่ใช่กะมีร.เรือสะกดไม่ใช่นะเป็นกะท้อนตัวนี้ก็คือเขาต้องการสื่อให้เห็นว่า มันสะท้อนเรื่องราวต่างๆในยุคนั้น

ถาม ในช่วงนั้นคือ เห็นว่ารับปีละ  400 งานก็ถือว่าเยอะมากๆ ?

อ้อย 400 งานเฉพาะปีแรกนะ ปีต่อๆมาก็ยังเยอะๆแบบนี้ เพราะว่าเราไปเล่นตามปิดวิกงานวัด ก็เอาเงินใส่ปี๊บขนมปังเห็นไหม ปี๊บขนมปัง เรียงแบบเรียงสูงๆแบบเนี้ย เพราะว่าเวลาเขามาจ่ายตังค์แบงค์ 20 เต็มปี๊บ เวลานับกันที พอเอาปีบมาที่โรงแรมแล้วก็มาแบ่งกัน มานับให้กับค่าหนี้ แล้วก็คนจัดงานก็เอาไป เราก็เอาในส่วนที่เขาจ้าง

ถาม คนที่ตามมาดูวงตอนนั้นคือ หลักแสน ??

อ้อย : เป็นแสน คือสมมุติอยู่ on stage กับอยู่บนเวทีมองไปนี่ก็คือแบบหัวดำแบบนู่น สมัยก่อนเนี่ยเวลาคนเขาดูที เขาจะบิดมอเตอร์ไซค์ไปดูกันตามงานตามต่างๆ ตามงานประจำจังหวัด งานประจำปีของเขาเนี่ย เขาก็จะไปกันแบบ โอ้โหขับกันไปเป็นหมู่ๆเป็นกลุ่มๆ

batch 405 2

ถาม แต่หลังจากนั้นก็ออกมาเป็นศิลปินเดี่ยว ?

อ้อย ทำอยู่ 4 อัลบั้มของกะท้อนอัลบั้มที่ 1 อัลบั้มที่ 2 น้าซูออก น้าซูที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของวงกะท้อนออกไปก็ไปทำวงซูซู แล้วพี่อ้อยก็ทำมาอัลบั้มที่ 3 อัลบั้มที่ 4 แล้วพี่อ้อยก็ออก ก็มีนักร้องใหม่เอามาแทน มีกะท้อนเอานักร้องใหม่เข้ามาแทน แต่เราก็ยังคงชื่อ อ้อย กะท้อน เพราะมันสะบัดไม่ได้ จะบอกว่าอ้อยมังคุด อ้อยกะหล่ำอะไร มันก็ไม่ใช่ไงมัน ไม่มีใครเชื่อไงมันก็เป็นอ้อยกะท้อน

ถาม แล้วก็มีเพลงที่ถือว่าดัง สร้างชื่อต่อมาอีก ก็คือเพลงที่ชื่อว่า “นึกเสียว่าสงสาร” ?

อ้อย ตอนออกจากกะท้อนมาพี่หยุดร้องเพลงเลย 7 ปี ไม่รับงานเลย 7 ปี คือ เราป่วยเป็นเนื้องอกในมดลูก แต่สาเหตุที่ออกจากวงไม่ใช่เพราะป่วยอย่างเดียว จริงๆแล้วมันมีหลายสาเหตุ ตอนที่ป่วยก็คือมีเงินเก็บอยู่ก้อนนึง แต่ว่าเราป่วย ตอนนั้นเราฉีดมอร์ฟีนเข้าเส้นเลือด เพื่อที่จะไปร้องเพลงได้ ทำงานได้ แต่ว่าเนื้องอกในมดลูกมันกำลังจะแตก คือมอร์ฟีนมันเอาไม่อยู่ มันฉีดแล้วเรายังปวดอยู่ ปวดจนเราหมดสติ แล้วเขาก็เลยเอาแอดมิดเข้าโรงพยาบาล แม่แบบหาโรงพยาบาลไหนไม่ได้ เพราะว่าเราเคยมีประวัติอยู่โรงพยาบาลนี้ อยู่แถวเส้นแพงเลย เอาเข้าโรงพยาบาลนั้นด้วยความที่แบบว่าตกใจ เห็นเราหมดสติไปส่งเข้าโรงพยาบาลนั้น อยู่ i.c.u. ประมาณ 3-4 วัน 400,000 บาท โดนค่ารักษาพยาบาลไป 4 แสนบาทแต่เรามีเงินเก็บอยู่ประมาณแสนเดียว แล้วหมอก็มาแจ้งบิลอย่างนี้ทุกวันนะ ปกติเวลาป่วยเขาจะต้องแจ้งบิลรายงานทุกวัน เพราะเห็นบิลแล้วแบบอยากตายไปเลย ไม่อยากออกจากโรงพยาบาล

ถาม แต่เราเป็นนักร้องที่ดังมากขนาดนั้น แล้วบอกว่าทำงาน เอาแค่ปีแรกก็ได้ปีละ 400 งานหลังจากนั้นให้ครึ่งนึงปีละ 200 งานอีกปีนึงปีละ 100 งานก็ได้ ผ่านมา 4 อัลบั้ม ทำไมมีเงินเก็บแค่แสนเดียว

อ้อย คืออย่างนี้ ค่าใช้จ่ายทุกอย่างภายในบ้านราเป็นผู้นำ ต้องดูแลแม่ ดูแลครอบครัว เพราะว่าตัวเองรายได้หลักมาจากเรา แล้วเราก็ต้องดูแลคนที่เราต้องดูแลปกติ แล้วเวลามีเรื่องอะไรเนี่ย เราต้องเอาเงินตัวนี้ไป support ไปดูแลอย่างเนี่ย มันก็เลยเหลือเงินเก็บให้กับตัวเองไม่ได้เยอะมากอะไรสักเท่าไหร่

ถาม ในอีกมุมนึงช่วงที่เราดังๆ ก็มีช่วงที่สามารถพูดได้ว่าเราหลงใหลกับชื่อเสียงแล้วลืมตัว ?

อ้อย : นิสัยไม่ดี คือ เริ่มจากเด็กที่ไม่มีอะไรเป็นศูนย์ แล้วเรามาเจอสภาพแวดล้อมที่แบบจะโทษสภาพแวดล้อมอย่างเดียวก็ไม่ได้เนอะ คนแบบสปอยเราอันนี้ไม่ได้นะคะ ต้องแบบนี้นะคะ อันนี้ไม่ได้ คุยไม่ได้ค่ะ  เขาพยายามจะกันสร้างให้เราแบบมันอัพขึ้นมา เราเลยมีความรู้สึกว่า ฉันนี่แบบไม่ธรรมดา ฉันไม่ธรรมดา ฉันจะเดินดินกินข้าวแกงอะไรฉันไม่ได้นะ ฉันต้องมีแบบคนนู้นคนนี้ ความคิดเปลี่ยน งานเข้ามาปุ๊บ ไม่รับ ไม่ได้เบี้ยวงานนะลูก ไม่เคยเบี้ยวงานใครเลยนะ อ้อยกะท้อนไม่เคยเบี้ยวงานใครนะคะ แต่ว่า ณ วันนึงแบบเจ้าภาพโทรเข้ามาไปเล่นที่นี่ “อ๋อไม่ว่างค่ะคิวเต็ม”ไม่รับทั้งๆที่ว่างแต่ไม่รับ ไม่รับ คืออยากหยุด ฉันจะเลือก อารมณ์ตอนนั้นไงฉันดัง เมื่อไหร่ก็ได้ อยากร้องเมื่อไหร่ก็ร้อง

อ้อย ซึ่งมันผิดแย่มาก แล้วพอมาวันนึงเนี่ยเราอย่างที่เข้าโรงพยาบาลหมอผ่ามดลูกปั๊บหมอบอกว่าเอาไว้ไม่ได้แล้ว เพราะว่ามดลูกมันเป็นเหมือนฟองน้ำที่มันยุ่ยๆ ฟองน้ำที่มันเป็นผงๆเห็นไหมฟองน้ำล้างจานเนี่ยเป็นผง มดลูก เป็นอย่างนั้นหมอบอกต้องตัดทิ้งทั้งยวง ไม่สามารถมีลูกได้ตั้งแต่พี่อายุ 30 ต้นๆ ให้คุณแม่เซ็นให้สามีเซ็นว่ายอมให้ตัดต้องยอมตัดเพราะว่ารักษาชีวิต เพราะว่าหมอบอกว่า 50:50 ตอนนั้น คือถ้ามันแตกระหว่างที่ผ่ามันมีการติดเชื้อไงมันก็เสี่ยง 4 แสนนั่นแหละ พี่ก็เลยมานั่งคิดว่าชีวิตเรา ไม่มีความแน่นอนเลยเพราะว่าเราเป็นสินค้าตัวนึงของค่ายๆหนึ่ง ถ้าเขาคิดว่าเราขายได้ เขาจับไปขายได้ เขาคิดว่าขายได้เขาจะช่วยเหลือเราก็ได้ แต่เนี่ยคือเขาคิดว่า เราเซ็นสัญญากับเขาแล้ว แต่ว่าเขาไม่มองถึงว่าฉันจะให้เธอทำอะไรต่อจากนี้ เขาบอกว่าเขาไม่มีนโยบายที่จะให้เงินไปรักษาตัว ค่ายที่เราเซ็น แล้วทีนี้ค่ายอื่น ซึ่งไม่ใช่ค่ายที่เราเซ็นกับเขา แต่เป็นค่ายที่เคยเซ็นมาแล้ว แล้วหมดสัญญาไปแล้ว ยื่นมือเข้ามาช่วย เราโทรหาเขาโทรไปขอเงิน เพื่อเอาตัวเองออกจากโรงพยาบาล เพราะไม่งั้นออกไม่ได้ เฮียก็ให้มา 300,000 กว่าบาท 400,000 แหละ ให้มาโดยที่ไม่รู้ว่าจะได้คืนเมื่อไหร่ด้วยนะ เพราะว่าตอนนั้นพี่ยังติดสัญญากับค่ายเก่าอยู่ใช่ไหม แกก็ให้มา แกบอกไม่เป็นไรแกให้มา ก็จนทุกวันนี้ก็ยังซึ้งน้ำใจแกอยู่เลย เพราะว่าแกก็แบบช่วยเหลือเราตอนที่เราตกทุกข์ได้ยาก ก็เลยมองว่าเฮียเดี๋ยวออกจากโรงพยาบาลไป จะไปขอยกเลิกสัญญากับค่ายเก่าแล้วก็จะไปร้องใช้หนี้เฮีย

อ้อย :  เขาโอเคแต่ว่าเพลงที่ร้องไปให้เขา เขาไม่ได้เอาไปขาย เขาเก็บเอาไว้เฉยๆ  คือเขาเปลี่ยนนโยบายบริษัทเป็นคาราโอเกะแล้วไง ก็เลยไม่ได้เอาไปขาย แต่เขาก็ยังแบบไม่เคยทวงสักบาทเลยทั้งๆที่งานที่ขาย เอาให้เขาไปร้องให้เขาไป เขาไม่ได้ประโยชน์ อะไรจากงานชุดนั้นน่ะ

batch 401 2

ถาม แล้วไปตัดอ้อยกะท้อนได้ยังไง ไอ้นึกเสียว่าสงสาร เกิดขึ้นได้ยังไง ?

อ้อย หลังจาก 7 ปีพี่ไม่ร้องเพลงใช่ไหม  ตั้งใจไม่ร้องเพราะบาดเจ็บจากเรื่องพวกนี้ เสียใจว่า เวลาเราถึงจุดต่ำที่สุดระหว่างความเป็นความตาย ไม่มีใครหันไปหาใครก็ไม่เจอ เหมือนกับว่าจะจมน้ำ แต่ว่าไม่มีใครมาคว้าแขนที่แล้วกระชากจากน้ำขึ้นมาอย่างเนี่ย แล้วมีคนคนดึงกระชากจากน้ำขึ้นมา เลยมองหาความมั่นคงให้ชีวิต ก็เลยไปสอบองค์การโทรศัพท์ แล้วมันสอบติด สอบตำรวจติดพร้อมกัน 2 อย่าง ก็เลยเลือกองค์การโทรศัพท์ แล้วไม่ร้องเพลงเลย 7 ปี จนทำงานองค์การโทรศัพท์ไปเลย จนมาเจออาจารย์สีเผือก คนด่านเกวียน แกก็มาชวนมาให้ร้อง สวรรค์บ้านนอก ร้องคู่กันนะ Featuring คู่กันก็ร้องไป จนพี่ระย้าเขาเป็นเจ้าของบริษัทรถไฟดนตรี แกก็เรียกมาคุย เพราะอาจารย์สีเผือกอยู่รถไฟดนตรีไงก็เรียกมาคุย ก็บอก “..อ้อยอยากกลับมาร้องเพลงไหม” คือตอนนั้นเราแบบ 7 ปีที่เราไม่เคยทำอะไร แล้วเรื่องแบบจะทำได้เหรอ? กลับมาไหวหรอ? แต่ความอยากของความที่เราชอบร้องเพลงมันยังมีอยู่ “อยากทำค่ะ”เนี่ยก็ได้ลองนึกเสียว่าสงสารเนี่ย ซึ่งตอนนั้นบอกเลยว่าคาดหวังไหม No ไม่เคยคิด  คือรู้แต่ว่า มีงานทำต่อจากนี้ ก็ทำเหอะ

ถาม ซึ่งเราลาออกจากองค์การโทรศัพท์ไหม ?

อ้อย ไม่ลาก็ร้องเพลงด้วยทำงานราชการไปด้วย วิสาหกิจไปด้วยก็นี่แหละ ก็นึกเสียว่าสงสาร ปรากฏพอมันออกไปปุ๊บคนก็ถาม “เพลงนี้ใครร้อง”ถ้าบอกพี่อ้อยกะท้อนตั้งแต่ทีแรก อาจจะไม่ดังก็ได้เนอะ ลักษณะของการร้องเพลงของพี่เมื่อก่อนที่เป็นสาวรำวง มันเป็นเพลงเร็วเพลงสนุก ส่วนใหญ่จะได้รับบทบาทแต่เพลงสนุกเพราะๆหวานๆซึ้งๆไม่ค่อยมี พอเด็กรุ่นใหม่ๆมารู้จัก อ้าวพี่อ้อยร้องเหรอ เราก็เลยได้พวกแบบเด็กรุ่นใหม่ๆมาเป็นแฟนคลับอีกรอบนึง แล้วพี่อ้อยก็เลยมีงานมาตลอด ในชีวิตนี้ก็มี 2 เพลง 3 เพลงที่แบบต้องร้องทุกครั้ง สาวรำวง//นึกเสียว่าสงสาร//สาวน้อยกลับบ้าน 3 เพลงนี้มันก็ติดตัวพี่ไปตลอดเลย

ถาม ใครจะคิดนะว่าวันนึงนักร้องที่มีคนดูแบบเป็นแสนคน 400 งานใน 365 วันถึงวันวันหนึ่ง มันรู้สึกเหมือนแบบไม่มีใครเลย แล้วนะวันนี้จากจุดนั้นด้วยหรือเปล่าที่ทำให้เราหันหน้าเข้าหาวัด ?

อ้อย คือเราเข้ามาโดยสม่ำเสมออยู่แล้ว แต่เพียงแต่ว่าเข้าไปโดยไม่ได้ออกสื่อว่า พยายามจะให้ธรรมะขัดเกลาให้เยอะที่สุด เพราะว่าเหมือนกับว่าเราอยู่ในวงการแบบนี้มานานพอสมควร แล้วก็เห็นอะไรมามาก มันไม่มีความแน่นอนเลย มันดังได้สุดๆ แล้วมันก็ลงมาได้สุดๆ ซึ่งเราผ่านช่วงนั้นมาถึง 2 ครั้ง สาวรำวง หนึ่งครั้งที่พีคสุดๆแล้วก็ลงมาเป็นคนเดินดินธรรมดา นึกเสียว่าสงสารก็พีคสุดๆ แล้วกลับมาเป็นคนเดินดินธรรมดาเหมือนกัน เพราะฉะนั้นต่อจากนี้ไปจะดังหรือไม่ดังหรือเป็นอะไร รับได้หมด กลับไปยืนที่ 1 ได้เสมอ

ถาม แล้วทุกวันนี้งานหลักๆที่เราทำอยู่คือ ?

อ้อย ตอนนี้ มีเปิดบริษัทเป็นค่ายเทปเล็กๆชื่อว่า ฅ2 sound Records ถามว่า ฅ 2 ทำไมเพราะว่า คน 2 คนมารวมกัน ซึ่งมันต่างกัน พี่เป็นศิลปินเป็นนักร้อง แต่อีกคนน่ะเขาเป็นนักธุรกิจ   2 คนเป็นเพื่อนกันเจอกันอยากทำก็มาทำ เราก็ดูแลในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ ดูแลในเรื่องของการเทสเด็ก ดูแลในเรื่องของการดูแลเรื่องการผลิตให้เขา เขาก็ออกทุนออกทุนไปอย่างนี้ ก็ทำร่วมกัน  ก็หาศิลปินแบบเด็กที่แบบช้างเผือกที่อยู่ในป่าที่เก่งๆหรือแบบที่แบบบางคนที่แบบ หนูเข้าใจใช่ไหมบางคนเนี่ยร้องดีมากแต่ ณ.วันนั้นที่เขาประกวดเขาตื่นเต้น เขาร้องไม่ดี แต่ถ้าเขาไม่ได้ประกวด เขาไม่มีเวทีมากดดันน่ะ พี่ว่าเขาทำได้ จะให้โอกาสเด็กเหล่านี้ก็เลยเข้ามาทำตรงนี้ และเป็นดีเจอยู่คลื่น FM95 ด้วยนะคะ ทุกค่ำคืนวันเสาร์เที่ยงคืนจนถึงตี3 กับบทเพลงเพื่อชีวิต ฮิตเป็นพิเศษที่ Ltm FM95 ค่ะ ส่วนช่องทางการติดต่อช่องทาง Facebook ก็พิมพ์ Facebook อ้อยภาษาไทยนะแล้วก็จุดแล้วก็กะท้อนไม่มี ร.เรือ (อ้อย.กะท้อน)

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo