Entertainment

น้ำหวาน ซาซ่า เผยจุดแตกหัก แม่-กวาง เหตุการณ์มันเกิดใต้น้ำ เบื้องลึกเรือนหอถูกขาย

เป็นคนกลางสุดหนักใจ น้ำหวาน ซาซ่า เปิดใจเล่าฟางเส้นสุดท้าย จุดแตกหัก แม่-กวาง เหตุการณ์มันเกิดใต้น้ำ พร้อมเผยเบื้องลึกเรือนหอถูกขาย

เมื่อ น้ำหวาน พิมรา หรือ น้ำหวาน ซาซ่า ได้มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show ได้เปิดเรื่องราวในชีวิตพร้อมเผยความรักแบบทุกซอกทุกมุมในใจ เพราะอุ่นใจที่ได้มานั่งคุยมานั่งเล่าที่นี่เป็นที่แรก และขอพูดเป็นครั้งสุดท้ายกับความรักที่เพิ่งผ่านมา เป็นคนกลางสุดหนักใจ พร้อมเผยเรื่องราวบ้านที่จะเป็นเรือนหอถูกขาย

4 น้ำหวาน ซาซ่า 3
น้ำหวาน พิมรา หรือ น้ำหวาน ซาซ่า

น้ำหวาน : ปัญหาบนเรือจริง ๆ เวลาหวานตอบมาก่อนหน้านี้หวานจะตอบว่าเป็นปัญหาน้ำผึ้งหยดเดียว ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ ค่ะ มันเกิดจากความเข้าใจผิดคือทริปนั้นหวานไปดำน้ำ เหตุการณ์มันเกิดขึ้นใต้น้ำค่ะ เป็นความเข้าใจผิดกันเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างคุณแม่กับพี่กวางที่เป็นบัดดี้กัน

แปลว่าก่อนหน้านั้นความสัมพันธ์ระหว่างคุณแม่กับพี่กวางก็ยังเป็นปกติกันอยู่ ?

น้ำหวาน : เป็นปกติค่ะ เพราะเขาเลือกกันเลยค่ะว่าเขาจะเป็นบัดดี้กัน เพราะคุณแม่ค่อนข้างสบายใจที่ดำน้ำกับพี่กวาง แล้วนอกเหนือจากเรื่องดำน้ำความสัมพันธ์ในด้านอื่นของเขามันก็ไปได้ด้วยดี อันนี้หวานก็ยังยืนยันแบบนี้อยู่ ซึ่งตอนที่ลงไปดำน้ำคุณแม่นึกว่าคุณแม่หลง แต่จริง ๆ คุณแม่ไม่ได้หลงจึงได้มีการอธิบายเสียงดังกันขึ้นนะคะ แล้วหวานอยู่ในเหตุการณ์ตรงนั้นหวานก็อึดอัดมาก เพราะว่าเราเป็นคนกลางเราเหนื่อยอยู่แล้ว เพราะคนหนึ่งก็แม่ คนหนึ่งก็แฟน หวานก็เลยเลือกที่จะเดินหนีจากสถานการณ์ตรงนั้นไปที่หัวเรือคนเดียว แล้วคุณแม่ก็ตามมาหาหวานแล้วคุณแม่ก็บอกว่าแม่จบแล้วนะ กับกวางแม่ไม่ไหว คือทำไมต้องมีการอธิบายที่เสียงดังกว่าปกติต่อหน้าคนเยอะ ๆ ด้วย หวานก็บอกว่าแม่เดี๋ยวหวานให้เขามาขอโทษแล้วกัน เพราะหวานคิดว่ามันจะได้จบอะไรอย่างนี้ค่ะ แต่ก็ไม่ได้มีการขอโทษก็เลยเป็นที่มาของการที่คุณแม่โพสต์ลงเฟซบุ๊กในเรื่องของมารยามแล้วก็ต่อเนื่องมาแบบที่ทุกคนได้อ่านกัน หวานก็พยายามไกล่เกลี่ยจนถึงที่สุดคือต้องเข้าใจว่าหวานกับพี่กวางคบกันหวานมีเป้าหมาย หวานไม่เอาอารมณ์มาเล่นกับเรื่องแบบนี้ เพราะว่าถ้าย้อนดูประวัติความรักของหวานจริง ๆ มันผ่านการสู้มาเยอะค่ะ (เสียงสั่น)

เข้าใจความเป็นคนกลางอย่างไรก็เหนื่อยอยู่แล้ว ?

น้ำหวาน : มันเหนื่อยค่ะ มันเหนื่อยที่เราไม่สามารถที่จะควบคุมอะไรต่าง ๆ ให้มันเป็นแบบที่ใจของเราคิดได้อะไรอย่างนี้ค่ะ ทุกอย่างมันเป็นเรื่องของการเข้าใจผิดค่ะ เข้าใจทั้งสองฝ่ายในหนึ่งเหตุการณ์มันก็คือผิดทั้งคู่มองข้างไหน ข้างนั้นก็ถูกแล้วแต่มุมมองของคนจะมองเพียงแต่หวานอยากให้แยกออกเป็น 2 เรื่องก็คือเรื่องที่หนึ่งเราอาจจะมีการเสียงดังผู้ใหญ่อันนี้ก็อยากให้มาขอโทษในมุมหวานเป็นเด็ก แล้วแยกเป็นอีกก้อนหนึ่งของความเข้าใจผิดที่ต้องเคลียร์ ส่วนคนจะเข้าใจผิดมากน้อยแค่ไหนหรือผ่านเวลาไปอย่างไรก็ไม่เป็นไรคุณแม่ก็ยืนยันตอนที่นั่งอยู่ที่หัวเรือว่าไม่ต้องมาขอโทษไม่เป็นไร แต่ก็พูดดี ๆ กับน้ำหวานนะคะ ไม่เป็นไรไม่ต้องมาขอโทษหรอก แม่คงจบแล้ว แม่คงตกใจ เพราะว่าเขารักพี่กวางเหมือนลูกอีกคนเลยค่ะ เขาอาจจะตกใจและเสียใจ แต่หวานคิดว่าหวานสามารถจัดการได้ แต่เวลาผ่านไปหวานก็ยังไม่สามารถจัดการสถานการณ์บนเรือได้เพราะว่าเราจะต้องอยู่บนเรือต่อ

4 น้ำหวาน ซาซ่า 1

ในจังหวะที่บอกว่าหวานใช้วิธีเดินหนีออกมาแล้วไปนั่งอยู่ตรงหัวเรือตอนนั้นคิดอะไรอยู่ ?

น้ำหวาน : เยอะค่ะ ส่วนใหญ่จะขึ้นด้วยหมวดทำไมเต็มไปหมด ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ ทำไมเราต้องมาอยู่แบบนี้แล้วเราผิดอะไรซึ่งมันเยอะมากมันค่อนข้างไม่เป็นเรื่องเป็นราวเท่าไหร่ ณ เวลานั้นของหวานนะคะ แต่หวานพยายามเข้าใจว่าไม่เป็นไรต่างคนต่างเข้าใจผิด ต่างคนต่างโกรธให้เวลา แต่เดี๋ยวพอเขาคิดได้เดี๋ยวเขาก็จะมาดีกันเองแต่ก็ไม่ได้มีอย่างนั้น

แล้ว ณ ที่เราคิดอยู่บนเรือได้คิดไหม ว่ามันจะจบลงอย่างที่เราโพสต์ ?

น้ำหวาน : ไม่คิดเลยค่ะ แต่เราก็ได้คุยกันนะคะ จนมันจบตรงสิ่งที่มันแก้ไขไม่ได้ถามว่าใครเป็นคนตัดสินใจเรามองหน้ากันแล้วก็พอเขาพูดเหตุผลนั้นมาหวานก็เข้าใจในทันทีค่ะ

ส่วนเรื่องขายบ้านนี่อย่างไร ?

น้ำหวาน : เรื่องขายบ้านใช่ไหมคะ จริง ๆ หลายคนถามว่าหวานตกใจไหมเสียใจไหม ที่บ้านที่จะเป็นเรือนหอถูกขายจริง ๆ บ้านนี้ถูกขายมาปีกว่าแล้วค่ะ แต่อาจจะไม่ได้ประกาศเป็นวงกว้างแต่ด้วยช่วงเวลาที่ถูกรู้ในวงกว้างทำให้คนโยงมาเป็นเรื่องเดียวกัน

แต่กวางให้สัมภาษณ์ว่าก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องอยู่กับภาระนี้ แต่พอเห็นสัมภาษณ์นี้ทำให้เข้าใจได้ว่าการประกาศขายเกิดขึ้นจากเหตุผลนี้จริง ๆ ?

น้ำหวาน : หวานเห็นแล้วค่ะ แต่มันถูกประกาศขายมาปีกว่าแล้วค่ะ หวานแจ้งประมาณนี้ดีกว่า

4 น้ำหวาน ซาซ่า 2

ยากจังเลยสถานการณ์บางสถานการณ์ที่พร้อมจะมีคนจับประเด็นในบางทีในคำพูดอะไรก็ตามแต่เนอะ ?

น้ำหวาน : ในสถานการณ์ต่าง ๆ พี่เชื่อไหมวันนั้นหวานพิมพ์คนคอมเมนต์ด่าหวาน หวานบอกไม่ได้เราต้องแก้เพราะว่าเราโดนเยอะมาก แต่พอพิมพ์เสร็จไม่เอาดีกว่าเราอยู่ของเราดีกว่า ถ้ามีคนถามเราก็ค่อยตอบ เพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นว่าไม่เข้าใจอันนี้เดี๋ยวหาว่าหิวแสงโพสต์ทับกัน คือหวานเห็นคอมเมนต์สมัยนี้ สามารถจับโยงเป็นเรื่องได้ หวานอ่านหมดนะคะ เพราะหวานจะได้รู้ว่าควรจะต้องตอบอะไร อะไรที่คนสงสัยแล้วอะไรที่หวานจะควรจะต้องพูด หรือว่าคนคิดกับหวานอย่างไร เชื่อไหมคะว่าเวลาที่หวานอ่านคอมเมนต์มาก ๆ เพราะว่า 3-4 วันแรกหวานไม่ได้รับงานเลย หวานไม่ได้ไปทำงานเลยเพราะรู้สึกไม่อยากไปสู้หน้าคนหวานก็เลยบอกผู้จัดการว่างานขอเลื่อนก่อน ซึ่งไม่ดีนะคะเพราะเราต้องแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว 3-4 วันหวานขอพักใจก่อน เรากลับรู้สึกว่าเมื่อไหร่จะกลับไปทำงาน บางทีมีคนถามเราจะได้อธิบายได้บางในส่วนที่เป็นตัวเราก็อ่านหมดบางอันก็เข้าใจ บางอันก็โอ้โหรู้มากกว่าเราอีก บางอันเขาก็มีเหตุผลเราก็รับฟังไว้เผื่อจะได้มาตอบ

อันนี้ถามด้วยความสงสัยจริง ๆ ที่หวานบอกว่าประกาศขายมาก่อนหน้านี้ตั้งปีกว่า ทำไมประกาศขายเรือนหอทั้งที่ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน แล้วนี่คืออนาคตที่จะเป็นเรือนหอของเราทั้งสองคน ?

น้ำหวาน : ก็อาจจะขยับขยายอะไรของเขาไปค่ะ แต่ก็เกิดจากความตกลงร่วมกันก็คุยกันค่ะ ก็รู้มานานแล้วค่ะ

ซึ่งเป็นบ้านที่เรายังไม่ได้อยู่เลย ?

น้ำหวาน : หวานไปทุกวันค่ะ แต่ว่าเป็นบ้านที่เขาอยู่เป็นหลักค่ะ

ถ้าเป็นบ้านที่เราตั้งใจจะอยู่ด้วยกันแล้วมีเพื่อนเขาอยู่อีกหนี่ง ตอนนั้นเขาจะอยู่ยาว ๆ เลยเหรอ

น้ำหวาน : หวานเป็นคนชวนเพื่อนเขาเข้ามาเองค่ะ คือพี่เขาออฟฟิศอยู่ไม่ไกลบ้านหวานเลย งั้นมาอยู่ไหมมาอยู่เป็นเพื่อนพี่กวาง เพราะพอถึงเวลาหวานก็ต้องกลับพี่กวางจะได้ไม่เหงา เพราะเขาสนิทกันมา 20-30 ปีแล้วค่ะ ก็เลยเป็นที่มาที่พี่คนนี้เข้ามาอยู่ในบ้านพี่กวาง ก็บอกว่าอยู่ก็ต้องทำตามกฎของหวานนะ หวานบอกไม่เลยสบาย ๆ เพราะเขาเป็นเพื่อนสนิทพี่กวาง หวานรักเขา เราถูกคอกัน ทุกวันนี้เราก็ยังรักกัน เขาก็ยังอยู่กับพี่กวางอยู่ปัจจุบัน แต่ว่าตอนนี้บ้านกำลังจะขายได้แล้วค่ะ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo