รู้จัก RSV ไวรัสร้าย อันตรายต่อ “ลูกน้อย” พ่อแม่ต้องระวัง ช่วงปลายฝนต้นหนาว
โรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัสอาร์เอสวี หรือหลายคนเรียกสั้นๆ ว่า โรค RSV เป็นหนึ่งในโรคที่น่ากลัว และไม่มีใครอยากให้เกิดกับลูกน้อย แต่เป็นโรคที่พบระบาดบ่อยในเด็กเล็กวัยเรียน เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ที่ชื่อว่า Respiratory Syncytial Virus ซึ่งไวรัสชนิดนี้ ก่อให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจได้ทั้งส่วนบนและส่วนล่าง พบบ่อยในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และมักมีการระบาดของโรคทุกปีในช่วงปลายฝนต้นหนาว
ช่วงเดือนสิงหาคม – ตุลาคม เด็ก ๆ มักจะป่วยบ่อย เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงและมักจะรับเชื้อโรคได้ง่าย โดยเฉพาะไวรัส RSV ที่มีอาการคล้ายไข้หวัดแต่ส่งผลรุนแรง ถึงขั้นปอดอักเสบติดเชื้อได้ หลายคนอาจจะเคยมีประสบการณ์ที่ลูกติดเชื้อ RSV หรืออาจจะเคยได้ยินชื่อนี้มาจากคุณครู หรือ คุณหมอที่ดูแล แล้วเชื้อ RSV นี้เป็นอย่างไร ทำไมถึงเรียกว่า เป็นไวรัสวายร้าย มาทำความรู้จักกับเชื้อ RSV ไปพร้อมๆ กัน
RSV ไวรัส คืออะไร
RSV (Respiratory Syncytial Virus) จริง ๆ แล้วเป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้ทางเดินหายใจอักเสบในผู้ป่วยทุกช่วงอายุ แต่อาการจะเป็นมากในช่วงวัยเด็ก โดยเฉพาะเด็กอายุน้อยตั้งแต่ วัยแรกเกิด จนถึงช่วงวัยเข้า nursery ค่ะ ในประเทศไทยมักมีการระบาดในช่วงฤดูฝน โดยเด็ก ๆ จะติดเชื้อ RSV จากการรับเชื้อทางเดินหายใจ เช่น ไอ จาม น้ำมูก น้ำลาย เสมหะ จากการสัมผัส หรือละอองน้ำมูกของผู้ป่วยคนอื่น และมีระยะฟักตัวประมาณ 2-7 วัน
RSV ทำลายระบบทางเดินหายใจ
การติดเชื้อระบบทางเดินหายใจจากไวรัส RSV เกิดได้ตั้งแต่ส่วนบนจนถึงส่วนล่าง ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการหลอดลมฝอยอักเสบ (Acute bronchiolitis) และอาจทำให้ปอดอักเสบติดเชื้อ (pneumonia) โดยเฉพาะเด็กเล็กจะมีอาการปอดบวม ไอ หอบได้ง่าย เด็กจะมีอาการหายใจเร็ว หอบเหนื่อย บางครั้งเป็นมากจะหายใจดัง “วี้ด” ถ้าเป็นมากขึ้นจะมีอาการหายใจล้มเหลวได้
หวัดธรรมดา หรือเป็น RSV ?
เด็กที่ติดเชื้อไวรัส RSV มักจะมีอาการเริ่มแรกเหมือนไข้หวัด คือ มีไข้ ไอ น้ำมูกไหล คัดจมูก แต่สิ่งที่พ่อแม่สามารถสังเกตเห็นว่าลูกอาจจะติดเชื้อ RSV ได้แก่
- ไอมาก เสมหะเยอะและเหนียวข้น
- อาการหายใจหอบเหนื่อย หายใจแรง หน้าอกบุ๋ม
- อาจมีเสียงหายใจดังวี้ด ๆ
- ไม่กินอาหารและน้ำ
- ไข้สูง
- มักจะซึม หรือหงุดหงิด กระสับกระส่าย
หากลูกมีอาการเหล่านี้ในช่วงที่ไวรัส RSV ระบาด ควรพาไปให้คุณหมอเช็คอย่างละเอียด คุณหมอก็จะตรวจร่างกาย ฟังเสียงปอด ถ้ามีเสียงวี้ด คุณหมอจะพ่นยาขยายหลอดลม รวมถึงการเอ็กซเรย์ปอดในรายที่สงสัยปอดอักเสบ
การรักษา RSV
ในปัจจุบันยังไม่มียารักษา RSV โดยเฉพาะ การรักษาอาการติดเชื้อไวรัส RSV จึงต้องรักษาไปตามอาการที่ป่วย คือ ให้ยาลดไข้ ให้ยาแก้ไอละลายเสมหะ ให้ยาลดน้ำมูก ในเด็กเล็กหรือเด็กที่มีอาการหนักอาจต้องนอนโรงพยาบาล ให้น้ำเกลือ ให้ยาขยายหลอดลม ยาละลายเสมหะ เคาะปอด และอาจจะต้องช่วยดูดเสมหะ หรือถ้ามีอาการรุนแรงมากก็จะต้องได้รับออกซิเจนหรือใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจ หากเด็กมีอาการไม่รุนแรง ก็สามารถกลับไปรักษาตัวที่บ้านได้ด้วยการกินยาลดไข้ ยาละลายเสมหะ และดื่มน้ำเยอะ ๆ พักผ่อนให้เพียงพอ และในที่สุดร่างกายก็จะสามารถกำจัดเชื้อไปได้เอง
วิธีห่างไกล RSV
เนื่องจากในประเทศไทยยังไม่มีวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส RSV ทำให้เด็ก ๆ มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสในช่วงที่แพร่ระบาดได้มากโดยเฉพาะสถานที่ที่เด็กอยู่กันมาก ๆ เช่น โรงเรียนอนุบาลหรือnursery ดังนั้นสิ่งที่จะช่วยให้ลูกน้อยไม่ป่วยจากโรคนี้ คือ การมีร่างกายที่แข็งแรงและรู้จักวิธีหลีกเลี่ยงภาวะเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- ล้างมือบ่อย ๆ หลังจากทำกิจกรรม หรือก่อนทานอาหาร เพราะไวรัส RSV สามารถติดต่อได้จาก น้ำลาย น้ำมูก ไอ จาม
- ไม่ควรให้ลูกอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่เป็นหวัด โดยเฉพาะหากโรงเรียนหรือnursery มีการระบาดอยู่
- ทำความสะอาดของเล่น
- ผู้ป่วยต้องปิดปากหรือใส่หน้ากากอนามัยเวลาไอจามเพื่อป้องกันการติดเชื้อ หรือเมื่อต้องไปอยู่ในสถานที่ที่มีคนแออัด
- เมื่อลูกต้องอยู่ในอากาศที่หนาวเย็น ควรทำให้ร่างกายอบอุ่นอยู่เสมอ
ขอบคุณข้อมูล พญ.นงนภัส เก้าเอี้ยน ศูนย์กุมารเวชกรรม โรงพยาบาลพระรามเก้า
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ไวรัส RSV ระบาดหนัก ปัญหาใหญ่ในเด็กเล็ก ‘ดร.อนันต์’ แนะวิธีสังเกตอาการดังนี้
- ระวัง!! ฤดูฝน-ฤดูหนาว RSV ระบาด ตั้งแต่ต้นปีติดเชื้อแล้ว 732 ราย
- ไข้หวัดใหญ่-RSV ระบาด ‘หมอยง’ เตือนป้องกันเหมือนโควิด-19