“ไข้เลือดออก” โรคที่มาหน้าฝน อันตรายกว่าที่คิด หลีกเลี่ยง ป้องกันอย่างไร เช็กเลย!
โรคไข้เลือดออกเกิดจากเชื้อไวรัสที่ติดต่อโดยการถูกยุงลายกัด ฤดูฝนแบบนี้ จะเกิดน้ำท่วมขังหลายที่ ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายชั้นดีเลย ควรตรวจสอบบริเวณรอบ ๆ ที่อยู่อาศัยว่าไม่มีน้ำขัง ความน่ากลัวของโรคไข้เลือดออก ก็คือหากเป็นแล้วสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ เพราะเชื้อไวรัสเดงกี นั้นมีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ คือ DENV-1, DENV-2, DENV-3 DENV-4 โดยมียุงลายตัวเมียเป็นพาหะนำโรคมาสู่คน
อาการของไข้เลือดออก ที่ควรเฝ้าระวัง มีดังนี้
- มีจุดเลือดขึ้นตามร่างกาย
- ไข้ขึ้นสูงเฉียบพลัน
- อ่อนเพลีย
- คลื่นไส้ อาเจียน
- เบื่ออาหาร
- ปวดท้อง ท้องเสีย
การป้องกัน
- หมั่นดูแลความสะอาดบริเวณรอบบ้าน ไม่ให้มีน้ำขังตามภาชนะ แอ่งดินที่แหล่งน้ำท่วมขังได้ง่าย
- ฉีดยาพ่นไล่แมลง
- เลี้ยงปลาหางนกยูงในบ่อน้ำ
- ทิ้งขยะให้เป็นที่ มัดปากถุงให้มิดชิด ไม่สร้างแหล่งเพาะพันธุ์ยุง
- ตรวจสอบประตู หน้าต่าง ลดช่องทางที่ยุงสามารถเข้ามาในบ้านได้
ข้อควรระวัง : ไม่ควรซื้อยาทานเอง โดยเฉพาะยาประเภท NSAIDs หรือ แอสไพริน ไอบูโรเฟน เพราะสารในตัวยาจะกระตุ้นให้มีเลือดออกมากขึ้น อันตรายถึงชีวิตได้
การรักษา
โรคไข้เลือดออกนั้น เราสามารถรักษาตามอาการ ไม่ให้อาการรุนแรงจนหายดีได้ นอกจากนี้ในปัจจุบันเรามีวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกแล้ว โดยผู้สนใจรับวัคซีนควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับวัคซีน
กลุ่มคนที่เสี่ยงต่อโรคไข้เลือดออก ซึ่งสามารถเป็นได้ทุกเพศทุกวัย แต่บางกลุ่มจะมีความเสี่ยงและอันตรายต่อสุขภาพมากกว่าคนปกติ ได้แก่
- เด็กเด็ก
- หญิงตั้งครรภ์
- ผู้สูงอายุ
- ผู้ป่วยโรคเม็ดเลือด หรือฮีโมโกลบินไม่ปกติ
- ผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคไต
ขอบคุณข้อมูล นพ.วีระยุทธ บุญเกียรติเจริญ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านอาชีวเวชศาสตร์ ประจำโรงพยาบาลเปาโล รังสิต
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- สธ.ห่วงไข้เลือดออกพุ่ง! หากมีไข้ ตรวจไม่พบ ‘โควิด’ รีบพบแพทย์ด่วน!
- ระวัง!! ‘รัฐบาล’ เตือน ‘ไข้เลือดออก’ ระบาดสูงสุดในรอบ 3 ปี
- สธ. ห่วงไข้เลือดออกระบาดหนักสุดในรอบ 3 ปี มากกว่าปีก่อน 4.2 เท่า