8 พฤษภาคม “วันธาลัสซีเมียโลก” กรมอนามัย เผยหญิงไทย 37% มีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก แนะกินอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง ป้องกันภาวะซีด
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดี กรมอนามัย กล่าวว่า องค์การอนามัยโลก ได้กำหนดให้วันที่ 8 พฤษภาคม ของทุกปีเป็น วันธาลัสซีเมียโลก ซึ่งโรคธาลัสซีเมีย เป็นโรคโลหิตจางชนิดหนึ่ง เกิดจากความผิดปกติของเม็ดเลือดแดง ทำให้เกิดภาวะซีดหรือโลหิตจาง สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้
นอกจากนี้ สาเหตุของภาวะซีด ที่พบบ่อยเกิดจากการกินอาหารที่มีธาตเหล็กไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย การมีประจำเดือนออกมากเกินไป พบได้บ่อยในหญิงวัยรุ่นและวัยเจริญพันธุ์ และการตรวจพบหนอนพยาธิในร่างกาย เช่น โรคพยาธิปากขอ เพราะพยาธิปากขอดูดกินเลือดเป็นอาหาร
สำหรับอาการของการขาดธาตุเหล็ก ประกอบด้วย หน้าตาซีดเซียว เยื่อบุตา ริมฝีปาก ฝ่ามือ และเล็กซีด อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย โตช้า เรียนรู้ช้า
จากข้อมูล Health Data Center กระทรวงสาธารณสุข ปี 2566 พบว่า หญิงตั้งครรภ์ มีภาวะโลหิตจาง 31.2% และหญิงวัยเจริญพันธุ์ อายุ 15 ถึง 49 ปี ที่ได้รับการคัดกรองภาวะโลหิตจาง ในขณะที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ พบภาวะโลหิตจาง 37%
ขณะที่ สมัชชาอนามัยโลก Global Nutrition Targets ได้กำหนดเป้าหมาย ลดอัตราภาวะโลหิตจางของหญิงวัยเจริญพันธุ์ลง เหลือ 50% ภายในปี 2573
ทั้งนี้ การป้องกันการเกิดภาวะซีดหรือโลหิตจาง ที่นอกจากการให้ยาเม็ดเสริมธาตุเหล็กและกรดโฟลิกแล้ว กรมอนามัย ยังแนะนำให้กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง ดังนี้
1. เนื้อสัตว์ เนื้อแดง เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เป็นอาหารธาตุเหล็กสูง และร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้โดยตรง
2. เลือด ตับ เครื่องในจากสัตว์ ซึ่งเป็นแหล่งของธาตุเหล็กและสารอาหารอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน วิตามินบี ทองแดง ซีลีเนียม
3. อาหารทะเล เช่น หอยแครง หอยแมลงภู่ กุ้ง ปลาทูน่า
4. ไข่แดง เป็นอาหารที่กินง่ายกินได้ทุกวัน เด็กวัยเรียนและผู้ที่ไม่มีปัญหาสุขภาพควรกินเป็นประจำ เพื่อไม่ให้ขาดธาตุเหล็ก
5. ผักใบเขียว ในผักใบเขียวหลาย ๆ ชนิด มีธาตุเหล็กสูง เช่น ผักโขม คะน้า ตำลึง ปวยเล้ง บรอกโคลี
นอกจากนี้ ควรรับประทานร่วมกับผัก ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น พริกหวาน ส้ม มะละกอ สับปะรด ฝรั่ง สตรอเบอรี่ ลิ้นจี่ เงาะ จะช่วยให้การดูดซึมธาตุเหล็กดียิ่งขึ้น
6. ไม่ควรกินอาหาร พร้อมกับนมวัว นมถั่วเหลือง เพราะแคลเซียมในนม และไฟเตทในนมถั่วเหลืองจะทำให้การดูดซึมธาตุเหล็กลดลง
อย่างไรก็ตาม การรับประทานอาหารเพียงอย่างเดียวอาจไม่ช่วยรักษาโรคโลหิตจางได้ หากมีภาวะซีดหรือสงสัยว่าเป็นโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก อย่าปล่อยไว้จนอาการรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์หรือบุคลากรสาธารณสุข
หากจำเป็นต้องกินยาเม็ดเสริมธาตุเหล็ก ควรรับประทานอย่างต่อเนื่อง และตรวจเลือดติดตามผลตามคำแนะนำ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- อย่าจัดงาน ‘สูบบ้อง’ เลียนแบบต่างประเทศ รับ ‘วันกัญชาโลก’ กรมอนามัยย้ำ สูบในที่สาธารณะ ผิดกฎหมาย
- กรมอนามัย แนะ ‘สังเกตอาการตนเอง’ ก่อนกลับเข้าทำงาน และ ‘สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา’ ห่วงโควิดพุ่ง
- อย่าดื่ม!! น้ำบาดาลโซดา กรมอนามัย เตือนควรปรับปรุงคุณภาพน้ำก่อน