Digital Economy

9 สเต็ปขาย ‘งานอาร์ต’ ให้ปังบนตลาดออนไลน์

ตอนนี้ต้องยอมรับว่าไม่มีตลาดไหน ร้อนแรงเท่า “ตลาดออนไลน์” ไม่ว่าสินค้าชิ้นเล็ก ชิ้นใหญ่ มูลค่ามากน้อยแค่ไหน ถ้าจับให้ถูกจุด ก็ขายบนตลาดอีคอมเมิร์ซส่งไปถึงลูกค้าทั่วโลกได้ทั้งนั้น แต่สำหรับสินค้าประเภทงานศิลปะ อย่างรูปภาพ รูปถ่าย งานออกแบบ สินค้าตกแต่ง ของแฮนด์เมดหล่ะ ทำอย่างไรถึงจะประสบความสำเร็จ ไปฟังจากปากผู้มีประสบการณ์ตรงกันดีกว่า

โดย “กิตติคุณ อรรถกมล” เจ้าของแบรนด์จิวเวลรี่ Glorikami ได้แชร์ประสบการณ์การขายเครื่องประดับแฮนด์เมดบนตลาดอีคอมเมิร์ซผ่านงานสัมนา ‘การตลาดออนไลน์และการสร้างแบรนด์สินค้าไทยสู่ตลาดโลก’ ที่จัดโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ศูนย์บ่มเพาะธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และบริษัท คลาวน์คอมเมิร์ซ จำกัด

S 71262224
กิตติคุณ อรรถกมล

“กิตติคุณ” เล่าให้ฟังว่าเดิมเขามีหน้าร้านอยู่ที่ตลาดนัดสวนจตุจักรและพื้นที่อื่นๆ โดยมีชาวยุโรปเป็นลูกค้าหลัก แต่ต่อมาตลาดเปลี่ยน ส่งผลให้ยอดขายหน้าร้านลดลง เขาจึงปรับตัว มาสนใจการขายสินค้าบนโลกออนไลน์แทน

ในปีแรก “กิตติคุณ” ขายสินค้าได้ 8 ชิ้น จากที่วางขายบนตลาดอีคอมเมิร์ซทั้งหมด 10 ชิ้น จากนั้นเขาจึงเริ่มศึกษาตลาดอีคอมเมิร์ซอย่างจริงจังในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ลองผิดลองดู หาความรู้ด้วยตัวเอง จนยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 1,000- 2,000 ชิ้นต่อปี ซึ่งเขาก็ได้แบ่งปัน 9 ทิปดีๆ ที่จะช่วยให้ขายงานอาร์ตให้เป๊ะปัง ดังนี้

1. เข้าใจตัวเอง ก่อนอื่นต้องเข้าใจตัวเองก่อนว่า มีฝีมือด้านไหน ไลฟ์สไตล์เป็นอย่างไร เหมาะกับสินค้าประเภทไหน เพราะสินค้าประเภทงานศิลปะมีหลายรูปแบบ ตั้งแต่รูปวาด รูปถ่าย งานฝีมือ การออกแบบไฟล์ดิจิทัล ฯลฯ

S 7126221444

2. เลือกตลาดที่เหมาะสม ตลาดอีคอมเมิร์ซ ประเภทงานศิลปะมีอยู่หลายแพลตฟอร์ม ซึ่งต้องดูว่าสินค้าของตัวเองเหมาะกับแพลตฟอร์มไหน ค่าธรรมเนียมและพฤติกรรมลูกค้าของแต่แห่งเป็นอย่างไร เช่น Etsy เป็นตลาดอีคอมเมิร์ซด้านศิลปะที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีการแบ่งหมวดหมู่อย่างละเอียด สมัครง่าย แต่ขายยาก เพราะสินค้ามีจำนวนมาก, Pinkoi เน้นเจาะกลุ่มตลาดเอเชีย โดยเฉพาะฮ่องกง ไต้หวัน ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ รวมถึงไทย ทำให้เว็บไซต์มีภาษาไทยด้วย, Art Fire เน้นตลาดยุโรป อเมริกา แคนาดา เน้นขายสินค้าทำมือ สินค้าวินเทจ เป็นต้น

3. สร้างความแตกต่าง การขายสินค้า Mass เป็นเรื่องยาก ถ้าไม่แข็งแกร่งหรือเป็นรายใหญ่จริงๆ จึงอยากแนะนำให้กำหนดกลุ่มลูกค้าให้ชัดเจนมากขึ้น 4.สร้างเอกลักษณ์ของสินค้า เช่น ธีมดอกไม้ รับแกะสลักชื่อ เพราะสินค้าในตลาดออนไลน์มีเยอะมาก อย่างใน Etsy มีจิวเวลรี่เป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด โดยมีจิวเวลรี่ วางจำหน่ายมากถึง 10 ล้านชิ้น ถ้าหากไม่สร้างความแตกต่างก็จะทำให้สินค้าไม่โดดเด่นและลูกค้ามองเห็นบนเว็บไซต์ได้ยาก

S 71262222

ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์ Glorikami ก็โฟกัสงานจิวเวลรี่รูปสัตว์ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการพับกระดาษออกามิของญี่ปุ่น  ถ้าหากลูกค้าค้นหาด้วยคำว่า Jewellery และ Dog gift ก็จะทำให้สินค้าขึ้นบนหน้าแรกๆ ของเว็บไซต์

5. คำอธิบายชัดเจน สินค้าต้องมีรายละเอียดที่ชัดเจน เข้าใจง่าย เพราะลูกค้าไม่ได้เห็นหรือสัมผัสสินค้าก่อน โดยต้องมีข้อความระบุเรื่องระยะเวลาการจัดส่งสินค้า อัตราภาษีในแต่ละประเทศด้วย นอกจากนี้รูปประกอบต้องสวยงาม ชัดเจน แสดงให้เห็นว่าสินค้ามีประโยชน์ได้อย่างไร เพื่อไม่ให้ลูกค้าสับสน

6.บริการต้องเลิศ แพจเกจที่ดีเหมือนเป็นการสร้าง First Impression ให้กับลูกค้าและทำให้สินค้ามีมูลค่าเพิ่ม เช่น แพจเกจจิวเวลรี่แบรนด์ Glorikami มีถึง 5 ชั้น ได้แก่ กระดาษคาดกล่อง, กล่องไม้, ถุงผ้า, ถึงซิปล็อคกันอากาศ และการ์ดขอบคุณ นอกจากนี้ในช่วงที่มีการจัดส่งสินค้า ก็จะส่งอีเมลแจ้งลูกค้าตลอด พร้อมส่งอีเมลไปทักทายและอวยพรลูกค้าในเทศกาลสำคัญ

S 71262220

7. แคร์รีวิว คะแนนรีวิวสินค้ามีผลต่อความมั่นของลูกค้าอย่างมาก ดังนั้นแบรนด์จึงต้องพยายามให้ลูกค้ากลับมารีวิวและรักษาคะแนนรีวิวให้อยู่ในระดับสูง เช่น เขาก็ใช้วิธีส่งอีเมลติดต่อลูกค้า เมื่อส่งของไปแล้วประมาณ 1 เดือน เพื่อถามว่าลูกค้าพอใจสินค้าหรือไม่ ถ้าหากพอใจก็ขอให้ลูกค้าช่วยให้คะแนนรีวิวกับทางร้านด้วย ซึ่งลูกค้า 100 คน ก็จะช่วยรีวิวกลับมาประมาณ 10 คน

8. จัดโปรโมชั่นให้ถูกเวลา ตลาดท้องถิ่นแต่ละแห่งจะมีหน้าเทศกาลของตัวเอง เช่น ตลาดยุโรป-อเมริกา จะมีพิธีจบการศึกษาในเดือนเมษายน-มิถุนายน วันพ่อในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม-กลางเดือนมิถุนายน ซึ่งสินค้าที่เหมาะกับแต่ละเทศกาลจะขายดีและควรจัดโปรโมชั่นให้เหมาะสม

9. เชื่อมต่อโซเชียลมีเดีย พ่อค้าแม่ค้าควรเชื่อมต่อตลาดอีคอมเมิร์ซกับโซเชียลมีเดียต่างๆ เพื่อสร้างแบรนด์และสื่อสารกับลูกค้า ซึ่งโซเชียลมีเดียที่เหมาะสมกับสินค้าแนวศิลปะก็หลายหลาย เช่น Facebook, Pinterest, Instragram และ Twitter เป็นต้น

Avatar photo