ธนาคารไทยพาณิชย์เปิดตัว 5 พันธมิตรยักษ์ใหญ่ “กูเกิล – SiteMinder – กรมการปกครอง – กรมโยธาและผังเมือง – ททท” เสริมแกร่งผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอี ประเภทโรงแรมขนาดกลางและขนาดเล็กให้เติบโตอย่างยั่งยืน
โดยการจับมือกับพาร์ทเนอร์ครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งการตีลังกาที่ไทยพาณิชย์เคยออกมาประกาศทรานสฟอร์มธุรกิจเพื่อรับการมาถึงของยุค Digital Disruption อีกทั้งยังมองว่าโซลูชันในการช่วยเอสเอ็มอีที่เหมาะสมในยุคดิจิทัลนี้ ไม่สามารถทำได้ด้วยตัวธนาคารเพียงลำพัง หากแต่ต้องกาพาร์ทเนอร์ในหลายภาคส่วนเข้ามาช่วยกัน
นางพิกุล ศรีมหันต์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ผู้บริหารสูงสุด SME Segment ธนาคารไทยพาณิชย์กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจของไทยพาณิชย์ในขณะนี้ จะเป็นการผสมผสานกลยุทธ์ด้วยการนำเครือข่ายพันธมิตรมาเสริมศักยภาพให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพื่อสร้างโซลูชันครบวงจรให้กับเอสเอ็มอีแต่ละอุตสาหกรรม
โดยไทยพาณิชย์ตั้งเป้าของอุตสาหกรรมที่ต้องการเจาะลึกเอาไว้ทั้งสิ้น 7 กลุ่ม ได้แก่
- ธุรกิจขนส่งสินค้า
- ธุรกิจผลิตอาหารและเครื่องดื่ม
- ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างภาครัฐ
- ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างภาคเอกชน
- ธุรกิจเคมีภัณฑ์
- ธุรกิจขายวัสดุก่อสร้าง
- ธุรกิจโรงแรม
“จากประสบการณ์การทำงานธนาคารมา 25 ปี พบว่า โรงแรมเป็นธุรกิจที่ขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่ว่าจะอะไรขึ้นก็จะกระทบโรงแรมก่อนเสมอ เราก็เลยจะเจาะที่ธุรกิจโรงแรมก่อน อีกทั้งธุรกิจโรงแรมยังเป็นอุตสาหกรรมหลักที่มีการเติบโตสูง เนื่องจากการท่องเที่ยวยังคงเป็นแหล่งรายได้หลักของประเทศในปัจจุบันและอนาคต เห็นได้จากแผนพัฒนาเศรษฐกิจในภาพรวมที่มีการเน้นบทบาทของเมืองหลักและเมืองรอง รวมถึงแคมเปญ Go Locals เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในชุมชนท้องถิ่น” นางพิกุลกล่าว
ด้านนางสาวอภิชญา เตชะมหพันธ์ หัวหน้าฝ่ายช่องทางการขาย ประเทศไทยและเวียดนาม กูเกิลประเทศไทยเปิดเผยว่า ที่ผ่านมา กูเกิลให้ความสำคัญกับเอสเอ็มอี เพราะเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี ประเทศไทยมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกลุ่มหนึ่งที่ยังไม่ได้เข้ามาในโลกออนไลน์ ซึ่งรวมถึงกลุ่มโรงแรมด้วย ขณะที่กูเกิลมีเครื่องมือชื่อ Google My Business ที่สามารถช่วยให้ธุรกิจมีตัวตนบนโลกออนไลน์ได้อย่างรวดเร็วอยู่ จึงมองว่าน่าจะสามารถนำมาช่วยผู้ประกอบการไทยได้
“ตอนนี้ มีแค่ 13% ของเอสเอ็มอีที่มีเว็บไซต์ในประเทศไทย เลยทำให้เรารู้สึกว่า กูเกิลช่วยเอสเอ็มอีให้มาสู่โลกออนไลน์ได้ โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมที่จำเป็นต้องมีตัวตนบนโลกออนไลน์ เพราะหากผู้ประกอบการเข้าใจพฤติกรรมนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ เมื่อมาถึงไทย แต่พูดไทยไม่ได้ เขาจะเปิดมือถือแล้วเสิร์ช ดังนั้น การเจอข้อมูลโรงแรมบนอินเทอร์เน็ตจึงช่วยให้นักท่องเที่ยวรู้สึกดีมากขึ้น”
นอกจากนั้น นางสาวอภิชญายังได้กล่าวถึงการใช้งาน Google My Business ด้วยว่า
- ธุรกิจสามารถใส่ข้อมูลธุรกิจตัวเองลงไปในอินเทอร์เน็ตได้ใน 3 คลิก ก็จะมีเว็บไซต์ของตนเอง และฟรี
- สามารถใช้พื้นที่นี้คุยกับลูกค้าได้ โพสต์ รีวิวต่าง ๆ ได้
- สามารถได้รับข้อมูลเชิงลึกที่ Google My Business จัดทำมาให้
โดยเป้าหมายของกูเกิลคือการทำให้ธุรกิจเอสเอ็มอีไทย 3 ล้านรายมีตัวตนบนโลกดิจิทัลทั้งหมดผ่าน Google My Business
ด้าน Site Minder อีกหนึ่งผู้ประกอบการที่เข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับไทยพาณิชย์ในครั้งนี้เผยว่า บริการของ Site Minder จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการสื่อสารกับผู้ให้บริการจองห้องพักยี่ห้อต่าง ๆ (ปัจจุบันรองรับได้มากกว่า 300 แบรนด์ รวมถึง Agoda, Booking, Expedia ฯลฯ) และช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ประกอบธุรกิจโรงแรมขนาดกลาง – เล็ก ในการบริหารจัดการห้องพัก
นางสาวอนงค์ชนก คงเทียบ ผู้จัดการฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชีย Site Minder เผยว่า “มั่นใจว่าโซลูชันจะตอบโจทย์ธุรกิจโรงแรม เพราะผู้ประกอบการทุกวันนี้มีหลายเรื่องให้ต้องจัดการ ดังนั้นแพลตฟอร์มของเราจะมาช่วยจัดการสื่อสารกับผู้ให้บริการห้องพักรายต่าง ๆ แทนได้” โดยปัจจุบัน Site Minder มีผู้ใช้งานที่เป็นผู้ประกอบการโรงแรมสัญชาติไทยแล้วกว่า 2,600 ราย ขณะที่ในระดับโลกมีแล้วกว่า 30,000 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ให้บริการโรงแรมขนาด 1 – 50 ห้องที่พบว่าในระยะหลังเปิดตัวมากขึ้น
ส่วนความช่วยเหลือที่ลืมไม่ได้คือกรมการปกครอง และกรมโยธาธิการ ที่จะเข้ามาช่วยให้คำแนะนำผู้ประกอบการโรงแรมที่ยังไม่ได้ยื่นเอกสารเพื่อขอจดทะเบียนโรงแรมอย่างถูกต้อง เนื่องจากขาดความรู้ด้านการจัดเตรียมเอกสารจะได้ดำเนินการได้อย่างเข้าใจมากขึ้น รวมถึงจะเข้ามาช่วยลดระยะเวลาในการขอใบอนุญาตที่จากเดิมอาจใช้เวลาถึง 66 วันให้เหลือแค่เพียง 30 วันด้วย
อย่างไรก็ดี สำหรับผู้ที่นำห้องพักในคอนโดมิเนียมมาให้เช่านั้น นายทัศน์พล ประทีป ณ ถลาง ผู้แทนกรมการปกครอง หัวหน้ากลุ่มมาตรฐานและระเบียบ ส่วนการรักษาความสงบเรียบร้อย 3 กระทรวงมหาดไทย เผยว่า ไม่สามารถทำได้เนื่องจากผิดกฎหมายการใช้อาคาร
สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกลุ่มโรงแรมขนาดกลางและขนาดเล็กที่สนใจเข้าร่วม โครงการดังกล่าวจะเริ่มที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 13, 20 และ 27 กันยายนนี้ ณ SCB Payment Sphere ชั้น 4 สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. 02 722 2222
