นายอาทิตย์ อานันทวิทยา และนายแพทย์ชัยรัตน์ ปัณฑุรอัมพร
เป็นเทรนด์ที่เราได้เห็นกันมากขึ้นกับยุคดิจิทัลที่มีการทำงานร่วมกันระหว่างยักษ์ใหญ่ ล่าสุดเป็นธนาคารไทยพาณิชย์กับโรงพยาบาลสมิติเวชที่ร่วมมือกันสร้างประสบการณ์ด้านสุขภาพแนวใหม่สำหรับลูกค้ากลุ่มเวลธ์ ด้วยพื้นที่รับรองที่ถูกออกแบบและตกแต่งในสไตล์กลาสเฮ้าส์แห่งแรกใจกลางโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท พร้อมเสริมแกร่งด้วยระบบชำระเงิน “สมิติเวช ฟาสต์เพย์” (Samitivej FastPay) และแอพพลิเคชันสำหรับให้บริการสุขภาพออนไลน์ครบวงจร “สมิติเวช พลัส” (Samitivej Plus) ผลงานการพัฒนาของทีมดิจิทัล เวนเจอร์ส
ถือเป็นการสร้างประสบการณ์ดิจิทัลที่น่าตื่นตาตื่นใจทีเดียวสำหรับสมิติเวช และไทยพาณิชย์ ที่มีการนำโซลูชันดิจิทัลเข้ามาเปลี่ยน Customer Journey ของการใช้บริการโรงพยาบาลใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการนัดหมายแพทย์ที่สามารถกระทำได้ผ่านแอพพลิเคชัน Samitivej Plus ที่จะช่วยแจ้งข้อมูลสำคัญ ๆ ให้คนไข้ได้ทราบ เช่น การดูข้อมูลแพทย์และนัดหมายแพทย์ออนไลน์ (Online Appointment) การแจ้งคิวเรียลไทม์ผ่านแอป (My Queue) การชำระเงินออนไลน์ (Payment) หรือดูข้อมูลสุขภาพ รายการยา และประวัติการรักษาย้อนหลัง (My History) พร้อมด้วยฟังก์ชั่นอื่นๆ เช่น ติดต่อหรือเรียกรถโรงพยาบาลได้ทันที ฯลฯ เป็นต้น
ส่วนการชำระค่ารักษา ผู้ที่มีแอพพลิเคชันก็สามารถชำระเงินได้รวดเร็วขึ้น เพราะมีการพัฒนาระบบ Samitivej FastPay ให้คนไข้สามารถชำระเงินได้ด้วยการสแกนคิวอาร์โค้ด ณ จุด FastPay Station (ปัจจุบันติดตั้ง 3 จุด ซึ่งทางทีมงานเผยว่ามีแผนจะขยายจุด Station ในระยะต่อไป) หรือจะชำระเงินด้วยบัตรเครดิตผ่าน Samitivej Plus และสามารถนำใบเสร็จรับเงินที่ได้รับทางอีเมลไปรับยาได้เลย โดยผู้ใช้บริการที่ชำระเงินผ่าน 2 ช่องทางนี้จะได้รับส่วนลด 10% สำหรับค่ายา ค่า X-Ray และ Lab ตามเงื่อนไขของโรงพยาบาลด้วย ที่สำคัญ สามารถจ่ายโดยใช้แอพพลิเคชันโมบายล์แบงค์กิ้งของธนาคารใดก็ได้
ทั้งนี้ ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ได้มีการทดลองการชำระเงินทั้งสองรูปแบบที่สมิติเวช สุขุมวิท และศรีนครินทร์ ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งพบว่ามีจำนวนธุรกรรมผ่าน Samitivej FastPay แล้วกว่า 1,157 ธุรกรรม หรือเฉลี่ย 50 ธุรกรรมต่อวัน และลูกค้าให้คะแนนความพึงพอใจเฉลี่ยสูงถึง 4.75 จากคะแนนรวม 5 ซึ่งหลังจากการเปิดตัวครั้งนี้ จะนำร่องใช้งานที่โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท, โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ และโรงพยาบาลเด็ก สมิติเวชก่อน และคาดว่าจะนำไปใช้กับทุกโรงพยาบาลในเครือที่มีอยู่ 7 แห่งทั่วประเทศภายในปีนี้ ซึ่ง นพ.ชัยรัตน์ ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช และโรงพยาบาลบีเอ็นเอช กล่าวว่าโซลูชันทั้งหมดสามารถประหยัดเวลาให้กับคนไข้ได้ถึงหนึ่งเท่าตัว
สำหรับลูกค้ากลุ่มเวลธ์ ซึ่งประกอบด้วย ลูกค้าเฟิร์สคลาสของโรงพยาบาลสมิติเวช และลูกค้าเวลธ์ของธนาคารไทยพาณิชย์ที่เป็นสมาชิก “SCB PRIVATE BANKING” และ “SCB FIRST” ที่มาใช้บริการ ณ โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท จะได้รับประสบการณ์ที่พิเศษยิ่งขึ้น โดยในระหว่างการรอตรวจ จะสามารถเข้าใช้บริการ “เลาจ์” ในรูปแบบกลาสเฮาส์กลางสวนที่ออกแบบให้เป็น Exclusive VIP One-stop service พร้อมโซนรับรองพิเศษด้านสุขภาพแบบครบวงจร และบริการแบบวีไอพีโดยเจ้าหน้าที่ผู้ดูแล อาทิ การนัดหมายแพทย์ การพบแพทย์ การจ่ายเงิน และการรอรับยา นอกจากนั้นยังมีมุม Exclusive Healthy Snack Bar พร้อมอาหารว่างและเครื่องดื่มสุขภาพจากร้านดัง Divana Signature Café ด้วย
ในอีกด้านหนึ่งของกลาสเฮาส์ ยังเป็นโซนของ SCB Investment Center ศูนย์บริหารความมั่งคั่งของไทยพาณิชย์ที่ถือเป็น Touch point ล่าสุดที่ธนาคารเปิดให้บริการกับลูกค้าเวลธ์ และเป็นแห่งแรกที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของโรงพยาบาล และสุดท้ายคือโซนพื้นที่สวนสำหรับจัดกิจกรรมพิเศษต่างๆ อาทิ กิจกรรมดนตรีในสวน (Music in the garden) เพื่อสร้างความผ่อนคลายเวลามาใช้บริการด้านสุขภาพที่สมิติเวช กิจกรรมสนทนาพูดคุย หรือเวิร์คช้อปต่างๆ อาทิ เรื่องสุขภาพ และการลงทุน
อย่างไรก็ดี จะเห็นได้ว่าความร่วมมือครั้งใหม่ระหว่างไทยพาณิชย์กับสมิติเวชนี้แสดงให้เห็นด้วยว่า ธนาคารกำลังมุ่งไปสู่การสร้าง Digital Experience เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการรุกธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญขององค์กรไปพร้อม ๆ กัน
โดยนายอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า “เป้าหมายความร่วมมือในครั้งนี้ ธนาคารต้องการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าใหม่ รวมถึงดูแลกลุ่มลูกค้าเวลธ์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าสำคัญของไทยพาณิชย์ การร่วมมือกับสมิติเวชเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของธนาคารที่จะไม่เป็นเพียงแค่ธนาคารอีกต่อไป แต่เป็นองค์กรที่นำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาพัฒนาความแข็งแกร่งให้กับพันธมิตรทางธุรกิจ และการมุ่งสู่เป้าหมายสูงสุดในการเป็นดิจิทัลแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและข้อมูลเป็นหลักภายในปี 2563 อย่างแท้จริง และคาดว่าความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้ธนาคารก้าวสู่การเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาด Wealth Banking ด้วย”
เปิดตัวนวัตกรรม Precision Medicine
นอกจากการจับมือกับไทยพาณิชย์แล้ว ทางสมิติเวชเองยังมีการวางแนวทางการดำเนินธุรกิจในการก้าวสู่ปีที่ 40 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เราไม่อยากให้ใครป่วย” ด้วยการพัฒนานวัตกรรม Precision Medicine ที่สมิติเวชระบุว่า สามารถค้นหาโรคและเตรียมตัววางแผนก่อนเกิดโรคในอนาคตได้ โดยมีการร่วมมือทางการแพทย์กับต่างประเทศ อาทิ
- โรงพยาบาลซาโน ญี่ปุ่น ใช้เทคโนโลยีค้นหาและล่วงรู้การเกิดโรคมะเร็งลำไส้และกระเพาะอาหารได้ล่วงหน้า
- มหาวิทยาลัย Oregon Health & Science (OHSU) และ Doernbecher Children’s Hospital ที่จะเข้ามาแลกเปลี่ยนเทคนิคการดูแลผู้ป่วยเด็ก ทั้งด้านการรักษาและการป้องกันการเกิดโรค ตั้งแต่ทารกแรกเกิดจนถึงเด็กโต
นอกจากนั้นยังพัฒนาโปรแกรม Divine ที่มีทีมแพทย์เป็นเทรนเนอร์ด้านสุขภาพ และสามารถตรวจพันธุกรรมเพื่อหาความเสี่ยงต่อโรคร้ายต่างๆ รวมถึงการตรวจเทโลเมียร์หาความยาวของปลายโครโมโซม ที่จะรู้ถึงอายุเซลล์ภายในร่างกายได้อีกด้วย
ก็ต้องถือเป็นความร่วมมือที่น่าสนใจ ส่วนจะสร้างประสบการณ์ระดับเอ็กซ์คลูซีฟ และจะสามารถเปลี่ยนแปลง Customer Journey ของคนไข้ได้มากน้อยแค่ไหนนั้น อาจต้องให้เวลาอีกสักระยะ
