” มาร์ค” ในที่นี้ คือ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ท้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์(ปชป.) ไม่ใช่ มากซ์ ที่โลกรู้จัก
ในการดีเบตชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคปชป. เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มาร์ค–อภิสิทธิ์ 1 ใน 3 ผู้ท้าชิง ได้แย้งความคิดของ หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม ที่ประกาศอย่างห้าวหาญกลางเวทีว่า จะเปลี่ยนอุดมการณ์พรรคจากเสรีนิยม ไปเป็นสวัสดิการประชาธิปไตย โดยวิพากษ์ว่าเสรีนิยมนั้น เอื้อให้เกิดการผูกขาด
อดีตหัวหน้าพรรคปชป.ยืนยันว่า อุดมการณ์ของพรรคคือ เสรีนิยมประชาธิปไตยที่ยึดมั่นในคุณค่า การแข่งขันเสรีที่เป็นธรรม พรรคเชื่อว่ารัฐควรแทรกแซงเท่าที่จำเป็นเพื่อตัดตอนการผูกขาด
ก่อนย้ำหนักๆว่า อุดมการณ์ของพรรคจะเปลี่ยนมิได้ ส่วนสวัสดิการนั้นเป็นนโยบายไม่ใช่อุดมการณ์
“อภิสิทธิ์” เป็นนายกฯ ระหว่างปี 2551-2554 รับตำแหน่งช่วงคลื่นเศรษฐกิจจากวิกฤติซับไพร์มที่จุดศูนย์กลางอยู่ที่วอลล์สตรีท นิวยอร์ก กำลังซัดกระหน่ำไปทั่วโลก เศรษฐกิจไทยพลอยโดนหางเลขไปด้วย
อดีตนายกฯ เปรียบสถานการณ์เวลานั้นว่าเหมือน อาคารที่ไฟกำลังไหม้ รัฐบาลจึงดับไฟด้วยมาตรการเช็คช่วยชาติให้ผู้มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน คนละ 2,000 บาท รวม 8 ล้านคน ส่วนจะจับจ่ายซื้ออะไรให้เป็นไปตามอัธยาศัย
ส่วนการดูแลสินค้าเกษตร รัฐบาลอภิสิทธิ์ ใช้นโยบายประกันราคาข้าว และสินค้าเกษตรอื่นๆ มาแทนนโยบายจำนำข้าวของรัฐบาลสมชาย
กลไกของนโยบายนี้คือ หากผลผลิตของเกษตรกร (ที่ลงทะเบียนร่วมโครงการ) ออกขายไม่ได้ราคา หรือขายได้ต่ำกว่าราคาที่รัฐบาลรับประกันไว้รัฐบาลจะชดเชยส่วนส่วนต่างให้ และเกษตรกรมีสิทธิว่า รับเงินชดเชยไปแล้วจะขายข้าวเลย หรือรอจนกว่าราคาในตลาดขยับค่อยขายก็ได้
“อภิสิทธิ์” เชื่อมั่นในระบบประกันราคามาก โดยบอกเสมอๆ ว่า ข้อดีคือรัฐบาลไม่ต้องบริหารจัดการ เรื่องการซื้อ–ขายและจัดเก็บ และยังยืนยันว่ากับสมาชิกปชป.ว่าจะนำนโยบายนี้กลับมาใช้ ถ้าได้เป็นรัฐบาล
ด้วยหลักคิดใหญ่ที่ว่ารัฐบาลควรแทรกแซงเท่าที่จำเป็น อภิสิทธิ์ จึงค้านวิธีดูแลคนฐานรากของรัฐบาลปัจจุบันด้วยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นพิเศษ มีโอกาสเมื่อไหร่กล่าวถึงเมื่อนั้น
ระหว่างเดินสายหาเสียงชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคที่จังหวัดตาก ช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา “อภิสิทธิ์” โจมตีบัตรสวัสดิการฯ ว่า ยุ่งยาก ซับซ้อน ได้บัตรแล้วต้องไปซื้อตามสถานที่ที่กำหนด(ร้านธงฟ้า) พร้อมมองข้ามช็อตว่าหากประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลจะโอนเงินเข้าบัญชีให้ชาวบ้านไปซื้อของในท้องถิ่น ทำให้เงินสะพัดทั่วถึง ดีกว่าไปอยู่กับนายทุนไม่กี่คน
สรุปคือ แนวคิดเศรษฐกิจอย่างมาร์ค นั้นยึดหลักเสรีนิยมประชาธิปไตยไม่เปลี่ยน รัฐบาลไม่ควรไปยุ่มย่ามกับประชาชนมากนัก หากจะอุดหนุนกลุ่มคนฐานรากควรให้เงินสด ที่เหลือชาวบ้านคิดต่อได้เองว่าควรจะทำอย่างไร
สมัยเป็นนายกฯ อภิสิทธิ์ เคยพูดโดยอ้างงานวิจัยชิ้นหนึ่งว่า การให้เงินกับประชาชนเป็นมาตรการที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นความเชื่อที่ไม่เคยเปลี่ยนของอภิสิทธิ์เช่นกัน
กับมุมแย้ง วิธีการบริหารจัดการบัตรสวัสดิการฯ ของรัฐบาลประยุทธ์ นอกจากประเด็นเรื่องหลักคิดต่างกันแล้ว เชื่อว่า อภิสิทธิ์และนักการเมืองพรรคอื่นๆ คงมองออกว่า จำนวนผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 11.4 ล้านคนนั้น มีความหมายอย่างไร กับการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นต้นปีหน้า
ภาพ: เฟซบุ๊ก เพจ Abhisit Vejjajiva