สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน เป็นภาวะที่สะท้อนลักษณะของ VUCA World อย่างชัดเจน นั่นคือ มีสภาวะความผันผวน (Volatility) ความไม่แน่นอน (Uncertainty) ความซับซ้อน (Complexity) และความคลุมเครือ (Ambiguity)
ปรากฏการณ์ของ VUCA World กระทบกับทุกภาคส่วน รวมทั้งภาคธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ จากบทความในเดือนเมษายน 2019 ของ Harvard Business Review เปิดเผยว่า CEO กว่า 90% เชื่อว่าบริษัทของตนจะมีการเปลี่ยนแปลงในอีก 5 ปีข้างหน้า มากกว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามข้อมูลในเว็บไซต์ E-learning Industry ระบุว่า แม้ 61% ขององค์กรจะเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงหลัก ๆ อย่างน้อย 3 ครั้งต่อปี แต่มีองค์กรเพียง 17% เท่านั้นที่คิดว่าองค์กรของตนสามารถจัดการความเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากสภาพการณ์ดังกล่าว ตัวแปรสำคัญที่จะทำให้องค์กรประสบความสำเร็จขึ้นอยู่กับการที่ผู้นำขององค์กรช่วยให้พนักงานมีลักษณะของ “Agility” คือ มีความสามารถเรียนรู้ปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว เพราะโลกธุรกิจกำลังเข้าสู่ยุคของ “Agile”
เนื้อหาของบทความของ Forbes เดือนมกราคม 2018 เน้นย้ำถึงปรากฏการณ์ดังกล่าว ที่กระทบกับองค์กรในหลายประเภทธุรกิจ ไม่ได้จำกัดอยู่แต่ในกลุ่มของบริษัทด้านเทคโนโลยีเช่นในอดีต ซึ่งการทำงานแบบ Agile นั้นเป็นเสมือนการย่อโลก ลดความห่างในองค์กร เป็นการเชื่อมโยงคน สถานที่และเวลาเข้าด้วยกันเพื่อให้การทำงานเกิดความคล่องตัวเท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลง มีลักษณะเด่นโดยสรุป (www.Mckinsey.com) คือ
1. ร่วมกันกำหนดเป้าหมายความสำเร็จเพื่อเป็นทิศทางการทำงานคร่าว ๆ ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
2. ส่งเสริมการทำงานร่วมกันของทีมขนาดเล็กให้เป็นเครือข่ายเดียวกัน โดยออกแบบองค์กรให้เป็นแนวราบ (Flat Structure) ให้พนักงานแต่ละคนได้รับบทบาทและอำนาจที่ชัดเจน ส่งเสริมการทำงานอย่างกระตือรือร้น และร่วมหาวิธีการเฉพาะของทีมในการส่งมอบผลลัพธ์ที่โดดเด่น
3. มีการตัดสินใจและสร้างวงจรการเรียนรู้ที่รวดเร็ว ด้วยการเริ่มต้นวางแผน/ออกแบบ ลงมือทำให้เห็นผล (สำเร็จหรือล้มเหลว) แล้วนำข้อสังเกตที่ได้มาปรับใช้ ทำให้เกิดวงจรการเรียนรู้ที่หมุนวน
4. เสริมพลังให้บุคลากรรู้สึกเป็นเจ้าของในงานอย่างเต็มที่ (Full Ownership) เชื่อมั่นในตัวพนักงานที่จะสร้างสรรค์งานให้บรรลุทั้งเป้าหมายของตนเองและองค์กร พัฒนาพนักงานให้ความสามารถพร้อมปรับเปลี่ยนบทบาทเพื่อให้งานสำเร็จ
5. ใช้เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าเป็นแกนหลักในการผสานการทำงานและส่งมอบผลงานอย่างไร้รอยต่อ เป็นวิธีการที่เพิ่มคุณค่าและตอบสนองความต้องการของธุรกิจและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างรวดเร็ว
การนำองค์กรในบริบทของ Agile จึงจำเป็นที่ต้องอาศัยผู้นำทุกระดับขององค์กร ที่จะสร้างและสนับสนุนวัฒนธรรมการเรียนรู้ ที่เอื้อให้พนักงานปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงขององค์กร ที่กำลังเผชิญกับแนวโน้มทางเศรษฐกิจ สังคมที่กำลังเกิดขึ้นในอนาคต (Future Trends) เช่น ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ การตระหนักถึงสิ่งแวดล้อม สังคมผู้สูงอายุ รวมทั้งการที่คนรุ่น Millennial จะก้าวเข้าสู่องค์กร เป็นต้น
จากข้อมูลของ www.Agilebusiness.org กล่าวถึงบทบาทหลักของผู้นำ 3 ประการ (3C) ที่จะสร้างวัฒนธรรมในองค์กรที่มีลักษณะของ “Agile” สำหรับในตอนแรกจะกล่าวถึงแต่ละบทบาทโดยย่อ ดังนี้ บทบาทแรกเป็น “Communication” คือ การสื่อสารที่สร้างแรงบันดาลใจ เป็นตัวแบบที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดผลลัพธ์ในทิศทางที่ดีขึ้นทั้งในระดับบุคคล ทีมและองค์กร บทบาทที่สองเป็น “Commitment” เป็น การแสดงออกของผู้นำที่แสดงถึงความตั้งใจจริง มีวิสัยทัศน์และทิศทางที่ชัดเจน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทั้งองค์กร มีความเข้าอกเข้าใจพนักงาน
สร้างความผูกพันทางอารมณ์ระหว่างพนักงาน เพื่อสร้างความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม และบทบาทหลักสุดท้าย คือ “Collaboration” หรือ “การร่วมมือร่วมใจ” คือ ผู้นำที่ถ่ายโอนอำนาจของตนเพื่อเสริมพลังให้กับพนักงานคนอื่นในองค์กร ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความสำเร็จของระดับทีมมากกว่าส่วนบุคคล รวมถึงเชื่อว่าความคิดสร้างสรรค์ที่ก่อให้เกิดนวัตกรรมสามารถเกิดขึ้นได้จากทุกที่ในองค์กร
สำหรับลักษณะของพฤติกรรมย่อยในแต่ละบทบาทหลักของผู้นำในองค์กรที่มีลักษณะ Agile จะเป็นอย่างไร โปรดติดตามในตอนต่อไป