“สนามบินสุวรรณภูมิ” จัดซื้อเครื่องตรวจระเบิดรุ่นใหม่แทน CTX คุมเข้มเอกชนที่ร่วมประมูลต้องลงนาม “สัญญาคุณธรรม” ป้องกันข้อครหา โวทีโออาร์กำหนดสเปคให้ตรวจกระเป๋าเสร็จใน 4 วินาที
นาวาอากาศโท สุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)หรือ ทอท. เปิดเผยว่า สนามบินสุวรรณภูมิจะดำเนินเปลี่ยนเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด CTX 9000 เป็นระบบใหม่ทั้งหมด เนื่องจากผู้ผลิตได้ยกเลิกการผลิตเครื่อง CTX 9000 มากว่า 2-3ปี แล้ว หากสนามบินสุวรรณภูมิยังใช้ระบบเดิมต่อ ก็จะมีปัญหาเรื่องซ่อมบำรุงและจัดหาอะไหล่ได้ นอกจากนี้จะดำเนินการปรับปรุงระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า เนื่องจากเป็นระบบเก่าที่ใช้งานมากกว่า 12 ปี
ทอท. ได้เปิดจำหน่ายเอกสารประกวดราคา (TOR) โครงการจ้างปรับปรุงระบบตรวจสอบวัตถุระเบิด และงานจ้างปรับปรุงระบบลำเลียงกระเป๋าสัมภาระ (HBS&BHS) ในอาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วงเงินลงทุน 2,880 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ด้วยวิธีประกวดราคาแบบอิเล็กทรอนิกส์ ไปตั้งแต่วันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา และจะจำหน่ายไปถึงวันที่ 26 มีนาคม 2562
หลังจากนั้นจะเปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอและเสนอราคาในวันที่ 27 มีนาคม 2562 ระหว่างเวลา 08.30-16.30 น. คาดว่าจะได้ตัวผู้ชนะประมูลในเดือนพฤษภาคม 2562 จากนั้นใช้เวลาปรับปรุงระบบราว 1 ปีครึ่งถึง 2 ปี จึงพร้อมเปิดให้บริการ
“ภายหลังการปรับปรุงระบบใหม่จะทำให้ประสิทธิภาพการตรวจวัตถุระเบิดจะเร็วขึ้นจากเดิมใช้เวลา 7 วินาที/ใบ เป็น 4 วินาที/ใบ ส่วนสายพานกระเป๋าจะมีสปีดในการลำเลียงเพิ่มขึ้นจาก 10,000ใบ/ชั่วโมง เป็น 20,000ใบ/ชั่วโมง สามารถรองรับจำนวนผู้โดยสารที่เข้ามาใช้บริการในสนามบินสุวรรณภูมิได้ได้ปีละ 60 ล้านคน” นาวาอากาศโท สุธีรวัฒน์กล่าว
การประมูลครั้งนี้จะใช้เกณฑ์คะแนนแบบถ่วงน้ำหนัก โดยข้อเสนอด้านราคาคิดเป็น 20% และข้อเสนอด้านเทคนิค 80%โดยต้องยืนราคาไม่น้อยกว่า 180วัน ส่วนการส่งมอบงานนั้น ต้องแล้วเสร็จพร้อมส่งมอบงานทั้งหมดภายใน 540 วัน
นอกจากนี้ ทอท.ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องของความโปร่งใส เพราะไม่ต้องการให้เกิดปัญหาซ้ำรอยเหมือนการประมูล CTX ในอดีต โดย TOR กำหนดให้ผู้เข้าร่วมเสนอราคาต้องมีคุณสมบัติและปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) และจะต้องลงนามในข้อตกลงคุณธรรมรวม (IP) ด้วย หากไม่ลงนามในข้อตกลงคุณธรรมจะไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมประมูล
