Economics

‘GULF’ ปิดดีล ขายหุ้น 50% โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม BKR2 ให้ ‘Keppel Group’

“GULF” ขายหุ้นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล ประเทศเยอรมนี “Borkum Riffgrund 2” ในสัดส่วน 50% ให้แก่ “Keppel Group” มูลค่าการขาย 305 ล้านยูโร หรือประมาณ 11,000 ล้านบาท โดย GULF และ Keppel Group พร้อมเดินหน้าเป็นพันธมิตร เสริมความแข็งแกร่งธุรกิจต่อไปในอนาคต

บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF จำหน่ายหุ้นที่ถืออยู่ใน Borkum Riffgrund 2 Investor Holding GmbH (BKR2 Holding) ให้แก่ Neptune1 Infrastructure Holdings Pte. Ltd. ในสัดส่วน 50.01% ด้วยมูลค่าขายทั้งสิ้น 305 ล้านยูโร

GULF

โดย Gulf International Holding Pte. Ltd. (GIH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ GULF ได้เข้าทำสัญญาผู้ถือหุ้น และสัญญาซื้อขายหุ้น เรียบร้อยแล้ว ซึ่ง Neptune1 เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง Keppel Infrastructure Trust (KIT) และ Keppel Renewable Investments โดยทั้ง KIT และ Keppel Renewable Investments ถือหุ้นโดย Keppel Corporation Limited (Keppel Corporation) (รวมเรียกว่า Keppel Group)

ปัจจุบัน BKR2 Holding ถือหุ้นในสัดส่วน 50% ใน Borkum Riffgrund 2 Offshore Wind Farm GmbH & Co. oHG (โครงการ BKR2) ร่วมกับ Ørsted A/S โดยภายหลังจากการจำหน่ายหุ้นดังกล่าว จะส่งผลให้ GIH มีสัดส่วนการถือหุ้นใน BKR2 Holding จาก 100% เป็น 49.99% หรือคิดเป็นสัดส่วน 25% ในโครงการ BKR2

บริษัทจะดำเนินการโอนหุ้น ภายหลังดำเนินการตามเงื่อนไขในสัญญาเสร็จสิ้น ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาสที่ 4 ของปี 2565

ทั้งนี้ โครงการ BKR2 เป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล (Offshore Wind Farm) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 464.8 เมกะวัตต์ (ขนาดกำลังการผลิตส่งออก 450.0 เมกะวัตต์) ตั้งอยู่ในทะเลเหนือ (North Sea) ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ของเยอรมนี

GULF

โครงการดังกล่าวเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2562 โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement: PPA) และสัญญาบำรุงรักษา (Operation & Maintenance Agreement: O&M Agreement) กับกลุ่มบริษัท Ørsted เป็นระยะเวลา 20 ปี จากวันที่เปิดดำเนินการ

นอกจากนี้ โครงการ BKR2 ยังมีอัตรารับซื้อไฟฟ้าแบบ feed-in tariff (FiT) ที่รับประกันโดยรัฐบาลเยอรมนี เป็นระยะเวลา 9.5 ปี หลังจากเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ และจะได้รับค่าไฟฟ้าตาม merchant price โดยมีการรับประกันราคาขั้นต่ำ สำหรับปีที่ 9.5 ถึงปีที่ 20 จึงส่งผลให้โครงการนี้มีเสถียรภาพทางรายได้ในระยะยาว

ส่วน KIT เป็นกองทรัสต์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์  มีมูลค่าการลงทุนในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน และบริหารสินทรัพย์ทั้งหมดประมาณ 4,700 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์

GULF

ขณะที่ Keppel Corporation เป็นหนึ่งในบริษัทข้ามชาติชั้นนำของสิงคโปร์ มีเครือข่ายลงทุนมากกว่า 20 ประเทศทั่วโลก กระจายการลงทุนในธุรกิจพลังงาน โทรคมนาคม โครงสร้างพื้นฐาน อสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนภาคการคมนาคมขนส่ง โดดเด่นเรื่องการทำดาต้าเซ็นเตอร์ การพัฒนาเมืองแบบสมาร์ทซิตี้

นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน GULF กล่าวว่า การขายหุ้นในครั้งนี้ นอกจากจะได้พาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่งอย่าง Keppel Group มาเป็นผู้ถือหุ้นร่วมกันแล้ว ยังเปิดโอกาสให้บริษัทได้ร่วมลงทุนด้วยกัน ในโครงการต่าง ๆ ที่มุ่งเน้นเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และพลังงานหมุนเวียนในอนาคตอีกด้วย สอดคล้องกับกลยุทธ์ และทิศทางธุรกิจของบริษัท ที่มุ่งสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

GULF
ยุพาพิน วังวิวัฒน์

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo