Economics

‘อาคม’ แจงเงินกู้ยังเหลืออีก 5-7 หมื่นล้านพอดูแลเศรษฐกิจ ไม่จำเป็นต้องกู้เพิ่ม

“อาคม” แจงเงินกู้วงเงิน 5 แสนล้านบาท ยังเหลืออีก 5-7 หมื่นล้านบาทเพียงพอดูแลเศรษฐกิจ ไม่จำเป็นต้องกู้เพิ่ม คาดเงินเฟ้อปีนี้ไม่หลุดเป้า 3%

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดการขยายตัวเศรษฐกิจปี 2565 และปี 2566 เหลือโต 3.2% และ 4.4% ว่า การปรับลดดังกล่าวไม่ได้หมายความรัฐบาลต้องกู้เงินเพิ่มเพื่อมากระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้เท่าเดิมเสมอไป และเงินจาก พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เพิ่มเติม วงเงิน 5 แสนล้านบาทนั้น ยังมีเหลืออีก 5-7 หมื่นล้านบาท ที่ยังเพียงพอต่อการดูแลเศรษฐกิจ

อาคม

ชี้แจง “กรณ์” แล้ว!

“การกู้เงินเกินตัวไม่จำเป็น เป็นความเสี่ยงทำให้ต่างชาติมองประเทศไทยไม่ดี และลดเครดิตของประเทศไทย ทำให้ต้นทุนการกู้เงินของเอกชนและรัฐบาลแพง ได้รับผลกระทบมากขึ้นไปอีก” นายอาคม กล่าว

นอกจากนี้ ได้หารือกับนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถึงเรื่องที่นายกรณ์ ได้เสนอให้รัฐบาลกู้เงินเพิ่ม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งได้ชี้แจงไปว่าการกู้เงินต้องคำถึงวินัยการเงินการคลังในภาพรวมด้วย ซึ่งนายกรณ์ ก็มีความเข้าใจเป็นอย่างดี

อาคม

เงินเฟ้อทั้งปีไม่เกิน 3%

สำหรับอัตราเงินเฟ้อในปีนี้ จะเกินกว่ากรอบเป้าหมายที่ ธปท. และกระทรวงการคลังประเมินไว้ที่ 1-3% หรือไม่นั้น รมว.คลัง กล่าวว่า เป็นสิ่งที่จะต้องหารือกับ ธปท. ก่อน ว่าราคาน้ำมันและราคาอาหารที่แพงขึ้น จะส่งผลกระทบยืดเยื้อยาวนานแค่ไหน หรือเป็นภาวะชั่วคราว ซึ่งก็อาจจะทำให้อัตราเงินเฟ้อทั้งปีไม่เกิน 3% แต่ก็ไม่มีความจำเป็นต้องปรับกรอบเป้าหมายของเงินเฟ้อ

“ในระยะสั้นรัฐบาลได้มีมาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบค่าครองชีพ การตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาท ช่วยจ่ายค่าน้ำมันเบนซินให้กับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างเป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งน่าจะช่วยบรรเทาค่าครองชีพของประชาชนไม่ให้เพิ่มสูงขึ้นมาก ทำให้ทั้งปีเงินเฟ้อยังอยู่ในกรอบเป้าหมายได้” นายอาคม กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo