Economics

ยืนราคาหมู 110 ช่วยเหลือประชาชน ค้านการนำเข้าหมูเสี่ยงปนเปื้อน

สมาคมผู้เลี้ยงหมูภาคอีสาน ยืนราคาหมู 110 บาท ช่วยเหลือประชาชนทั้งที่ต้นทุนเพิ่ม ค้านการนำเข้าหมู เสี่ยงปนเปื้อนเชื้อโรค และส่งผลเสียในอนาคต โอดตกเป็นจำเลยสังคม ทั้งที่ไม่มีเอี่ยวทำหมูแพง

นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยว่า เกษตรกรทั่วประเทศให้ความร่วมมือกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ยืนราคาจำหน่ายสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มไว้ที่ไม่เกิน 110 บาทต่อกิโลกรัม ไปจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้

นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ1
นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ

หลังจากนั้นจะหารือร่วมกันอีกครั้ง เพื่อพิจารณาสถานการณ์การผลิตและการบริโภคให้สอดคล้องกัน โดยมุ่งดูแลค่าครองชีพของคนไทยเป็นอันดับแรก แม้ว่าเกษตรกรจะมีภาระค่าใช้จ่ายและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น บางฟาร์มสูงถึง 110-120 บาทต่อกิโลกรัม โดยเฉพาะต้นทุนค่าวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่เพิ่มขึ้น ค่าบริหารจัดการด้านการป้องกันโรคที่ต้องเข้มงวดมากขึ้น ตลอดจนค่าขนส่งที่สูงขึ้นจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มต่อเนื่องก็ตาม

แต่ทุกคนเห็นถึงความเดือดร้อนของคนไทยในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ จึงมีมติร่วมกันดูแลระดับราคาไว้เช่นนี้ต่อไป อย่างไรก็ตาม ราคาดังกล่าวข้างต้นไม่ได้ตายตัวเสมอไป ตัวอย่างเช่น ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ราคาในขณะนี้ อ่อนตัวตามความต้องการของตลาดมาอยู่ที่ 104-108 บาทต่อกิโลกรัม

“คนเลี้ยงหมูร่วมกันรักษาระดับราคาหมูเป็นไว้ที่กิโลกรัมละ 110 บาท ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 และจะดำเนินการต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจภาคครัวเรือนของพี่น้องประชาชน”

shutterstock 725257096 3

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาเกษตรกรกลับตกเป็นจำเลยของสังคมว่าเป็นเหตุให้ราคาเนื้อหมูหรือสินค้าอื่นๆ แพงขึ้นตามกัน ทั้งที่เกษตรกรขายหมูหน้าฟาร์มได้ที่ราคาเดิมมาตลอด เป็นการขายขาดให้กับพ่อค้าคนกลาง โดยไม่ได้มีผลกำไรหรือเกี่ยวข้องกับราคาที่ปรับสูงขึ้นก่อนจะถึงมือผู้บริโภค จึงอยากขอความเข้าใจและความเห็นใจจากผู้บริโภค และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมองที่กลไกตลาดเป็นสำคัญ ขอให้อุปสงค์และอุปทานของตลาดเป็นตัวบ่งชี้ราคาสินค้าอย่างเสรี

นายสิทธิพันธ์ กล่าวว่า ถึงข้อเสนอให้นำเข้าเนื้อสุกรเพื่อเพิ่มปริมาณในประเทศว่า เกษตรกรยืนยันคัดค้านที่จะมีการนำเข้าเนื้อสุกรจากต่างประเทศ เพราะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงจากเรื่องโรคต่างถิ่นที่อาจปนเปื้อนเข้ามากระทบกับฝูงสุกรของไทย และการนำเข้าเนื้อสุกร ชิ้นส่วน รวมถึงสุกรแปรรูปจากต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในแถบยุโรป มีความเป็นไปได้ที่ไทยต้องเปิดให้นำเข้าตลอดไป และมีโอกาสที่จะส่งเข้ามาไม่จำกัด

เมื่อปริมาณมากขึ้นอย่างไร้การควบคุม จะทำให้เกษตรกรต้องรับภาระขาดทุนจากภาวะสุกรล้นตลาด ที่สำคัญเนื้อสุกรนำเข้าเหล่านี้ คือตัวการบ่อนทำลายกลไกการเลี้ยงสุกรของไทย เมื่อเกษตรกรไทยไม่สามารถแข่งขันด้านราคาได้ ย่อมถอดใจเลิกเลี้ยงสุกร ความมั่นคงทางอาหารของประเทศต้องสั่นคลอน และต้องพึ่งพาการนำเข้าอาหารโปรตีนในที่สุด

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo