Economics

ธุรกิจรายเล็ก ‘ขาดหลักทรัพย์-ไร้บัญชี’เข้าไม่ถึงสินเชื่อ

ม.หอการค้าไทย เผยผลสำรวจพบปัญหา “ธุรกิจขนาดเล็ก” ขาดหลักทรัพย์-ไร้บัญชี  ส่งผลเข้าไม่ถึงสินเชื่อในระบบ  ธพว. แก้โจทย์ชูแพลตฟอร์ม  SME D Bank หนุนเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งทุนธนาคารรัฐ 

เอสเอ็มอี สินเชื่อ

ผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีอาวุโสวิชาการและงานวิจัย และผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย  เปิดเผยว่าผลสำรวจหัวข้อ “การเข้าถึงสินเชื่อของ SMEsไทย” จากกลุ่มตัวอย่าง 1,200 ราย  พบว่าช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา มีความต้องการขอสินเชื่อ เพื่อเสริมสภาพคล่อง 56.23% โดยยื่นขอจากธนาคารพาณิชย์ 41.21% ธนาคารของรัฐ 30.80% และเพื่อลงทุนหรือขยายกิจการ 61.4% โดยยื่นขอจากธนาคารพาณิชย์ 40.94% ธนาคารของรัฐ 30.19%

ทัศนะต่อการขอสินเชื่อ กลุ่มตัวอย่างระบุว่า เมื่อต้องการเสริมสภาพคล่องธุรกิจ 54.75% ขยายธุรกิจ 46.66% ชำระหนี้เก่า 32.37% เป็นต้น และหากแยกตามขนาดธุรกิจพบว่า ขนาดเล็กต้องการกู้เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง 55.5% ขยายธุรกิจ 46.3% ชำระหนี้เก่า 31.7% เป็นต้น สูงกว่าธุรกิจขนาดกลางที่ต้องการกู้เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง 45.3% ขยายธุรกิจ 51.2% ชำระหนี้เก่า 40.7% เป็นต้น

กลุ่มตัวอย่างระบุด้วยว่า เมื่อจะกู้เงิน มักจะนึกถึงหน่วยงานธนาคารของเอกชน 28.78% ธนาคารของรัฐ 23.48% หากแยกเป็นขนาดธุรกิจ กลุ่มธุรกิจขนาดเล็กบอกว่า นึกถึงธนาคารของเอกชน 28.6% ธนาคารของรัฐ 23.4% ส่วนขนาดกลาง นึกถึงธนาคารของเอกชน 30.7% ธนาคารของรัฐ 23.9%

เอสเอ็มอี สินเชื่อ

แจงปัญหาไร้หลักทรัพย์ค้ำประกัน

สำหรับการสำรวจหัวข้อ “ความต้องการสินเชื่อและการเข้าถึงสินเชื่อ” กลุ่มตัวอย่าง 24.61% บอกว่าเคยยื่น ส่วน 75.39% บอกว่าไม่เคยยื่น เนื่องจากส่วนใหญ่ถึง 44.11% คิดว่า ยังไงก็ไม่ได้อยู่แล้ว ส่วนสาเหตุที่สถาบันการเงินในระบบไม่อนุมัติสินเชื่อให้นั้น กลุ่มตัวอย่างบอกเหตุผลหลัก เกิดจากหลักทรัพย์ที่ค้ำมีมูลค่าน้อย หรือไม่มีหลักทรัพย์ค้ำเลย ไม่มีประวัติการชำระเงิน และไม่มีการทำบัญชี เป็นต้น

กรณีรัฐบาลมีนโยบายในการสนับสนุนเอสเอ็มอี พบว่า ธุรกิจขนาดกลางจะมีโอกาสเข้าถึงอย่างมาก 28.2% ส่วนธุรกิจขนาดเล็ก อยู่ที่ 16.9% ส่วนทัศนะต่อความสามารถในการเข้าถึงนโยบายและมาตรการของภาครัฐในการปล่อยสินเชื่อนั้น กลุ่มตัวอย่างระบุว่า “มาก” จำนวน 29.35% ส่วนที่ระบุว่า “ปานกลาง น้อย และไม่มีโอกาสเลย” รวมกันถึง 70.64% สาเหตุ คือ ไม่รู้เงื่อนไข 42.14% คิดว่าเป็นธุรกิจขนาดเล็กไม่น่าจะผ่าน 28.05% ไม่มีความเคลื่อนไหวของเงินในบัญชี 25.35% ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน 19.13% ไม่มีคนค้ำประกัน 16.67% ไม่ทราบว่าจะติดต่อที่ใด 10.92% และไม่มีความรู้ในการทำบัญชี 3.64%

เอสเอ็มอี สินเชื่อ
ผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย-มงคล ลีลาธรรม

ผลสำรวจดังกล่าวสะท้อนถึงสถานการณ์ธุรกิจของเอสเอ็มอี โดยเฉพาะการทำบัญชีเดียวซึ่งมีผลต่อการขอสินเชื่อในอนาคต พบว่า ธุรกิจขนาดเล็ก ไม่มีการทำบัญชีเลยถึง 10.95% ขณะที่เอสเอ็มอี ที่ไม่ใช่นิติบุคคล ไม่ได้ทำบัญชีถึง 12.10% โดยสาเหตุที่ไม่ทำบัญชีเนื่องจาก “ลืม ไม่มีเวลาทำบัญชี มองว่าไม่ได้เอาไปใช้อะไร เสียเวลาจัดทำ ไม่รู้ว่าทำบัญชีอย่างไร และเอกสารไม่ครบถ้วน”

ในปี 2562 กระบวนการเข้าถึงสินเชื่อของเอสเอ็มอี จำเป็นต้องใช้บัญชีชุดเดียวประกอบการพิจารณาสินเชื่อและสามารถดูย้อนหลัง 3 ปีเป็นอย่างน้อย กรณีการขอสินเชื่อใหม่ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 63.09% พร้อมที่จะจัดทำ โดยมองว่ามีผลต่อการอนุมัติสินเชื่อได้รวดเร็ว มีประโยชน์ต่อธุรกิจทั้งปัจจุบันและในอนาคต ซึ่งมาตรการและความช่วยเหลือจากภาครัฐที่เอสเอ็มอีต้องการ คือ 1. การให้ความรู้/สอนทำบัญชีเดียว 2.ลดขั้นตอนการทำบัญชีให้สะดวกมากขึ้น และ 3. บริการจัดทำบัญชีเดียวให้โดยไม่ต้องจ้างเอกชน

ผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย-มงคล ลีลาธรรม
ผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย-มงคล ลีลาธรรม

ชูแอพ SME D Bank  หนุนสินเชื่อเอสเอ็มอี 

นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Development Bank หรือ ธพว.) กล่าวว่า จากผลสำรวจดังกล่าว ชี้ให้เห็นว่า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี “ขนาดเล็ก” ที่มีจำนวนกว่า 3 ล้านราย โอกาสเข้าถึงสินเชื่อยากกว่าขนาดกลาง รวมถึง ยังมีความต้องการให้การเข้าถึงสินเชื่อสะดวกยิ่งขึ้น ธนาคารของรัฐ จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี  นึกถึงเป็นอันดับแรกเมื่อต้องการกู้เงิน

ดังนั้น ธพว.ได้ยกระดับการทำงานเชิงรุก เป็นฝ่ายเดินเข้าไปอำนวยสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการเสียเอง ผ่านแพลตฟอร์ม SME D Bank แอพพลิเคชั่นบริการครบวงจรเพื่อเอสเอ็มอีไทย ทำงานควบคู่กับหน่วยบริการเคลื่อนที่ “รถม้าเติมทุน ส่งเสริม SMEsไทย ฉับไว ไปถึงถิ่น”

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight