ปลาใหญ่อย่าตายน้ำตื้น!! “การรถไฟฯ” เตือนเอกชนประมูลไฮสปีดสามสนามบิน อย่าสอบตกเรื่องเอกสารหรือตัวสะกด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 9.00 น. วันนี้ (24 ก.ย.) การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้จัดงานประชุมชี้แจง โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ครั้งที่ 2 ณ สถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ มักกะสัน โดยมีผู้บริหารการรถไฟฯ, ผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.), ผู้แทนกระทรวงคมนาคม, ผู้บริหาร บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด, ผู้ซื้อเอกสารประกวดราคาโครงการรถไฟความเร็วสูง และผู้สื่อมวลชน เข้าร่วมมากกว่า 150 คน
นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน ในฐานะรักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในการประชุมชี้แจงโครงการรถไฟความเร็วสูงฯ ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2561 มีผู้สนใจสอบถามข้อมูลมาถึง 626 คำถาม และปัจจุบันตอบไปแล้วประมาณ 300 คำถาม จากนี้จะตอบคำถามที่เหลือโดยเร็ว ครบถ้วน ชัดเจน เพื่อให้เอกชนเข้าใจและมีข้อมูลเพียงพอที่จะยื่นข้อเสนอในวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้
สำหรับประเด็นคำถามของเอกชนมีหลากหลาย ทั้งด้านการเงินการลงทุน ร่างสัญญาร่วมลงทุน การก่อสร้าง การเดินรถ รวมถึงข้อกำหนดในด้านต่างๆ เช่น การพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานี (TOD) งานโยธา งานระบบรถไฟ และเทคโนโลยีต่างๆ โดยเฉพาะประเด็นด้านเทคนิคที่มีผู้สนใจสอบถามมากที่สุด เพราะโครงการรถไฟความเร็วสูงมีความซับซ้อน เอกชนจึงอาจไม่มั่นใจประเด็นทางเทคนิคต่างๆ เช่น ขบวนรถ อัตราเร่ง ความเร็วสูงสุด เป็นต้น
นายวรวุฒิ กล่าวอีกว่า หลังจากการประชุมชี้แจงโครงการรถไฟความเร็วสูงฯ ครั้งที่ 2 ในวันนี้ (24 ก.ย.) แล้ว การรถไฟฯ ยังเปิดให้ผู้ซื้อเอกสารส่งข้อเสนอแนะ หรือคำถามเกี่ยวกับเอกสารการคัดเลือกเอกชน ตลอดจนตรวจสอบข้อมูลหรือรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับโครงการ ได้จนถึงวันที่ 9 ตุลาคม 2561 โดยจะตอบคำถามทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 28 ตุลาคม หรือ 14 วันก่อนเปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอ ในวันจันทร์ 12 พฤศจิกายน 2561
ทั้งนี้ การรถไฟฯ รู้สึกเป็นห่วงการยื่นข้อเสนอในวันที่ 12 พฤศจิกายน เพราะเอกชนต้องส่งเอกสารจำนวนมาก จึงมีโอกาสผิดพลาดได้ ดังนั้น การรถไฟฯ จึงขอให้ทีมเอกสารของทุกบริษัท ทบทวนและพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ
“เป็นห่วงเรื่องเอกสาร เพราะการดำเนินโครงการในประเทศไทยต้องการเอกสารจำนวนมาก บางรายฝีมือดี แต่สอบตกเรื่องเอกสาร เช่น สะกดชื่อบริษัทผิด ซึ่งในทางกฎหมายแล้วไม่ได้ หรือทีโออาร์กำหนดให้ส่งเอกสารตัวจริง แต่เอกชนกลับไปเอาสำเนามายื่นก็ไม่ได้ จึงขอให้เอกชนระมัดระวังและขอให้ทีมเอกสารของแต่ละบริษัท ตรวจสอบสอบหลายๆ รอบ เพราะเอกสารมีหลายรายการมาก” นายวรวุฒิกล่าว
นายวรวุฒิ กล่าวถึงกรณีที่มีผู้ยื่นข้อเสนอเพียงรายเดียวว่า ก็ต้องพิจารณาไปตามกระบวนการ เพราะคณะกรรมการคัดเลือกฯ มีกฎหมายพิเศษ ถ้ามีความจำเป็นก็สามารถพิจารณาได้ โดยไม่ได้ปิดกั้นว่า ถ้ามีผู้ยื่นข้อเสนอรายเดียวแล้วต้องยกเลิกการประมูล
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันโครงการรถไฟความเร็วสูงสามสนามบิน อยู่ระหว่างขออนุมัติรายงานการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA) ช่วงสุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา โดยมั่นใจว่าอีไอเอจะผ่านความเห็นชอบไม่เกินเดือนมกราคม 2562 ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลที่ต้องการให้ทราบรายชื่อผู้ชนะการประมูลและลงนามสัญญาได้ในเดือนมกราคม 2562 เช่นกัน
สำหรับการส่งมอบพื้นที่โครงการรถไฟความเร็วสูงให้เอกชนนั้น ขณะนี้ยังไม่มีแผนการที่ชัดเจน โดยต้องหารือกับผู้ชนะการประมูลอีกครั้ง แต่เบื้องต้นคาดว่าจะส่งมอบพื้นที่มักกะสัน ด้านที่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ มักกะสัน ขนาด 100 ไร่ให้เอกชนได้ทันที เพราะเป็นพื้นที่ว่าง ไม่ติดปัญหาใดๆ
ส่วนพื้นที่มักกะสันอีก 50 ไร่ ที่ติดกับโรงงานมักกะสัน ยังไม่สามารถส่งมอบได้ เพราะติดปัญหาเรื่องการรื้อย้ายพวงราง เช่นเดียวกับพื้นที่ก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟความเร็วสูง (Depot) ขนาด 300 ไร่ ใน จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งอยู่ระหว่างการเวนคืน โดยเงื่อนไขการประมูล (TOR) กำหนดให้การรถไฟฯ ต้องส่งมอบพื้นที่ทั้งหมดภายใน 5 ปีนับตั้งแต่วันลงนามในสัญญา มิเช่นนั้นก็ไม่สามารถเก็บค่าเช่าพื้นที่จากเอกชน
นายสายันต์ อิ่มสม-สมบูรณ์ ผู้จัดการโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน กล่าวว่า การรถไฟฯ ได้จัดงานชี้แจงโครงการรถไฟความเร็วฯ ครั้งที่ 2 เพื่อให้ที่ปรึกษาชี้แจงคำถาม พร้อมรับฟังความคิดเห็น ในกรณีที่เอกชนยังมีข้อสงสัยเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน โดยเฉพาะเรื่องการยื่นเอกสาร
บริษัทที่ปรึกษาต้องอธิบายให้ชัดเจนว่า ผู้ประกวดราคาต้องยื่นเอกสารอะไรบ้างในวันที่ 12 พฤศจิกายน เนื่องจากไม่ต้องการให้มีผู้ถูกตัดตก เพราะข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ เรื่องเอกสาร ซึ่งเปรียบเสมือนปลาใหญ่ตายน้ำตื้น ทั้งนี้ผู้ยื่นเอกสารไม่ครบ มีสิทธิ์ส่งเอกสารเพิ่มเติม แต่ต้องอยู่ภายในวันที่ 12 พฤศจิกายนเท่านั้น หลังจากนั้นบริษัทที่ปรึกษาจะเร่งคัดเลือกให้เสร็จโดยเร็ว พร้อมเร่งรัดรายงานวิเคราะห์ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA) ให้ผ่านความเห็นชอบ จากนั้นจึงลงนามสัญญากับผู้ชนะการประมูลได้
