แอร์พอร์ตลิงก์-ขสมก. ประสานเสียง สิ้นปีนี้ต้องใช้บัตรแมงมุมร่วมกับรถไฟฟ้าได้ ด้านรัฐบาลผุดแนวคิดจะออกระเบียบสำนักนายกฯ แทน พ.ร.บ.ตั๋วร่วม เพื่อความรวดเร็ว
นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้บริหารการเดินรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ เปิดเผยว่า แอร์พอร์ตลิงก์ได้รับสเปคตั๋วร่วม (บัตรแมงมุม) เวอร์ชัน 2.5 จากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แล้ว จึงคาดว่าจะลงนามกับบริษัท สมาร์ท เทคโนโลยีฯ ผู้ชนะการประมูลติดตั้งระบบตั๋วร่วม วงเงิน 105 ล้านบาท ได้ในสัปดาห์หน้า
การติดตั้งระบบตั๋วร่วม ประกอบด้วย การติดตั้งหัวอ่านและการปรับปรุงซอร์ฟแวร์บัตรแมงมุมภายในหัวอ่านจากเวอร์ชัน 2.0 ให้เป็น 2.5 โดยตั้งเป้าหมายว่าสถานีแอร์พอร์ตลิงก์ ทุกแห่งจะต้องรับบัตรแมงมุมเวอร์ชัน 2.5 ได้ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถใช้บัตรแมงมุมขึ้นได้ทั้งรถไฟฟ้าสายสีม่วง สายสีน้ำเงิน และแอร์พอร์ต เรล ลิงก์
นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานกรรมการบริหารกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า การติดตั้งระบบอี-ทิคเก็ตบนรถเมล์ ขสมก. จำนวน 100 คันแรก มีความสมบูรณ์แล้ว โดยผู้โดยสารสามารถใช้บัตรแมงมุมและบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเวอร์ชัน 2.0 กับระบบอี-ทิคเก็ตดังกล่าวได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้ส่งหนังสือตรวจรับระบบอี-ทิคเก็ตบนรถเมล์ 100 คันแรก อย่างเป็นทางการ เพราะ ขสมก. ยังไม่ได้บอกเลิกการเช่าเครื่องเก็บค่าโดยสารแบบหยอดเหรียญอัตโนมัติ (Cash box) ที่ผูกอยู่ในสัญญาเดียวกัน จึงต้องให้ฝ่ายกฎหมายไปพิจารณาก่อนว่าควรดำเนินการอย่างไร สามารถออกหนังสือรับงานบางส่วนได้หรือไม่
“ขสมก. ได้ประสานกับฝ่ายกฎหมายและหน่วยงานเกี่ยวข้องให้เข้ามาช่วยดูเรื่องนี้ แม้ตามสัญญากำหนดให้เราบอกเลิกงานแคชบ็อกซ์ได้ แต่ก็ไม่อยากให้เหมือนกับเราเลิกสัญญา เพราะเอื้อประโยชน์ให้เอกชน เพราะความจริงเป็นความต้องการของขสมก. เอง” นายณัฐชาติ กล่าว
แต่การติดตั้งระบบอี-ทิคเก็ต ต่อให้ครบ 2,600 คัน ต้องกลับมาพิจารณาว่า จะติดตั้งอี-ทิคเก็ตเวอร์ชัน 2.0 ไปก่อน หรือจะติดตั้งเป็นเวอร์ชัน 2.5 ทั้งหมดในครั้งเดียว แต่ยืนยันว่าระบบอี-ทิคเก็ต 2.5 จะใช้ได้ภายในปีนี้ตามนโยบายรัฐบาล
แหล่งข่าวจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวถึงความคืบหน้าของการผลักดัน พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. …ว่า ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีแนวคิดให้เปลี่ยน พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม เป็นการออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีแทน เนื่องจากการออกระเบียบสำนักนายกฯ มีความรวดเร็วกว่า และโครงสร้างการบริหารตั๋วร่วมในปัจจุบัน ก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จึงไม่จำเป็นต้องใช้กฎหมายในระดับ พ.ร.บ. มารองรับ
เช่น การบริหารตั๋วร่วมไม่จำเป็นต้องจัดตั้งบริษัทใหม่แล้ว เพราะ รฟม. จะเป็นผู้ดำเนินการแทน นอกจากนี้ไม่จำเป็นต้องจัดตั้งกองทุนตั๋วร่วม เพราะการบริหารตั๋วร่วมไม่ได้สร้างรายได้ จึงจะให้ใช้วิธีขอรับการอุดหนุนค่าโดยสารหรือค่าแรกเข้าจากรัฐบาลเป็นครั้งๆ ไป
ทั้งนี้ หากกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตัดสินใจออกระเบียบสำนักนายกฯ ตามแนวคิดดังกล่าว ก็จะสามารถดำเนินการออกระเบียบและบังคับใช้ได้อย่างรวดเร็ว ภายใน 3-4 เดือน ส่วนการผลักดัน พ.ร.บ. ก็สามารถดำเนินการคู่ขนานกันไป เพื่อรองรับการใช้ตั๋วร่วมที่จะขยายตัวมากขึ้นในอนาคต
