นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ส่งออกเชิงรุกดันเศรษฐกิจไทยปี 2561” โดยระบุว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว จากที่จีดีพีขยายตัว 3.3% ในปี 2559 เป็นขยายตัวที่ 3.9% ในปี 2560 ซึ่งแนวโน้มคาดว่าจะดีต่อเนื่องในปีนี้ โดยสภาพัฒน์ คาดว่าในปี 2561 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 3.6 – 4.6% ตามภาวะเศรษฐกิจโลก ในขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. คาดว่าจะขยายตัว 4.1%
“จีดีพีปี 2559 ขยายตัว 3.9% ปีนี้สภาพัฒน์ก็มองว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวในกรอบ 3.6 – 4.6% ธปท.มองที่ 4.1% ซึ่งผมก็มั่นใจว่าปีนี้จะเกิน 4% แน่นอน”
ทั้งนี้ เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมและสาขาเศรษฐกิจสำคัญขยายตัวซึ่งสนับสนุนเศรษฐกิจไทยในภาพรวมได้มากขึ้น แรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐบาลยังอยู่ในเกณฑ์ดี ทั้งโครงการ Mega Project ต่างๆและโครงการ EEC ตลอดจนการปรับตัวดีขึ้นของการจ้างงานและรายได้ของประชาชน
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยมีแรงขับเคลื่อนสำคัญจากภาคการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะจากภาคการส่งออก ซึ่งปีที่ผ่านมาถือเป็นพระเอก ไทยส่งออกสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ด้วยมูลค่า 236,694 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวสูงถึง 9.9% สูงที่สุดในรอบ 6 ปี ขยายตัวได้ดีในเกือบทุกกลุ่มสินค้าและในทุกตลาด
รมว.พาณิชย์ กล่าวอีกว่า ในปีนี้เพื่อผลักดันการส่งออกเชิงรุกให้สามารถเป็นเครื่องจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างมีประสิทธิภาพต่อเนื่องกระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายผลักดันการส่งออกให้ขยายตัว 8% ทั้งนี้ 2 เดือนแรกตัวเลขการส่งออกส่งสัญญาณดีมาก โดยขยายตัวสูงถึง 13.8% โดยมีปัจจัยสำคัญจากผลของนโยบายส่งเสริมผลักดันของรัฐบาล รวมถึงจากสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศคู่ค้าที่มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีอย่างต่อเนื่อง
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระวัง คือ อัตราแลกเปลี่ยนที่มีความผันผวนมาก เงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้าสำคัญ ซึ่งส่วนนี้ ธปท.ได้ดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อกำหนดมาตรการบริหารจัดการค่าเงินที่เหมาะสม ความไม่แน่นอนของนโยบายประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งออกมาตรการใหม่อย่างรวดเร็ว การกำหนดมาตรการกีดกันทางการค้าในรูปแบบต่างๆ ที่อาจนำไปสู่สงครามการค้าได้
ทั้งนี้ รัฐบาลต้องการที่จะยกระดับ ปรับเปลี่ยนและพัฒนาประเทศให้ก้าวพ้นจากประเทศ “รายได้ปานกลาง” เป็นประเทศ “รายได้สูง” โดยมีจุดมุ่งหมายให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน ทั้งนี้ไทยจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องก้าวเข้าสู่ “โมเดลประเทศไทย 4.0” ปรับเปลี่ยนจากเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วย “ประสิทธิภาพ” เป็นเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วย “นวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์” ซึ่งภาคการส่งออกเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยเพิ่มมูลค่าและยกระดับประเทศไทยให้ก้าวสู่ยุค “ประเทศไทย 4.0” ขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใน 3 มิติสำคัญ ได้แก่
– เปลี่ยนจากการผลิตสินค้า “โภคภัณฑ์” ไปสู่สินค้าเชิง “นวัตกรรม”
– เปลี่ยนจากการขับเคลื่อนประเทศด้วยภาคอุตสาหกรรมไปสู่การขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม
– เปลี่ยนจากการเน้นภาคการผลิตสินค้า ไปสู่การเน้นภาคบริการมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เพื่อขับเคลื่อนนโยบายข้างต้นให้เกิดผลสำเร็จ กระทรวงพาณิชย์จะปฏิรูปการทำงานโดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้ได้มากที่สุด เป็น Smart Ministry มีการจัดทำฐานข้อมูลด้านเศรษฐกิจการค้าในรูปแบบ Big Data โดยบูรณาการข้อมูลทั้งหมดจากหน่วยงานภายใต้กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีจุดเด่น คือ มีข้อมูลเชิงลึกที่ครอบคลุมจากหน่วยงานทั้งภายในประเทศและต่างประเทศให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนสามารถนำไปใช้ต่อได้และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
