นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดงานสัมมนาสร้างการรับรู้และความเข้าใจโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายเด่นชัย –เชียงราย–เชียงของ โดยมีนายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (กฟท.) นายสมบูรณ์ ศิริเวช รองผู้ว่าราชการ จังหวัดเชียงราย หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมรับฟังประมาณ 500 คน
นายอาคม กล่าวว่า โครงการรถไฟสายนี้จะเชื่อมระหว่าง อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ ผ่าน จังหวัดลำปาง พะเยา และเข้าสู่ เชียงราย โดยมีปลายทางอยู่ที่ อำเภอเชียงของ ชายแดนไทย-ลาว ถือเป็นหนึ่งในแผนงานยุทธศาตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทยปี 2558-2565
ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติโครงการเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา จัดทำโครงการมูลค่า 85,345 ล้านบาท ผ่านพื้นที่ 59 ตำบล 17 อำเภอ ระยะทางรวม 323.10 กิโลเมตร มีสถานีทั้งสิ้น 26 สถานี
เส้นทางรถไฟสายนี้ จะประกอบด้วย สถานีขนาดใหญ่ 4 สถานี สถานีขนาดเล็ก 9 สถานี และป้ายหยุดรถ 13 แห่ง มีลานขนถ่ายสินค้าจำนวน 4 แห่ง และย่านกองเก็บและบรรทุกตู้สินค้า 1 แห่งเนื้อที่ 150 ไร่ ที่สถานีเชียงของ โดยมีแนวถนนเชื่อมต่อด่านชายแดนเชียงของ และศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าเชียงของที่กำลังก่อสร้างอยู่ด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุด้วยว่า โครงการนี้มีจุดเด่นคือเป็นรถไฟรางคู่ที่ไม่มีจุดตัดทางแยกเพิ่มความปลอดภัย โดยมีรั้วกั้นตามรายทาง และออกแบบสะพานให้เฉพาะเพื่อให้รถยนต์ข้ามทางรถไฟไปตลอดแนว มีสะพานลอย ทางเท้า และทางรถจักรยานยนต์ข้าม และลอดทางรถไฟรวมประมาณ 254 จุด
นอกจากนี้ ยังมีอุโมงค์คู่ เมื่อต้องผ่านภูเขาระยะทางประมาณ 13.9 กิโลเมตร ทำให้สะดวกสบาย สามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 5,600 คนต่อวัน และในปี 2595 จะพัฒนาเพื่อรองรับได้ถึง 9,800 คนต่อวัน
ส่วนการขนส่งสินค้าประเมินว่าจะมีการเติบโตของสินค้าประมาณร้อยละ 4.65 ต่อปี ในปี 2566 จะรองรับปริมาณตู้สินค้าได้ถึง 413,417 ทีอียูต่อปี ในปี 2566 และปี 2595 จะเพิ่มขึ้นเป็น 951,955 อีทียูต่อปีต่อไป ซึ่งจะทำให้การนำเข้า-ส่งออกสินค้าผ่านด่านเพิ่มขึ้นเป็น 30-40% ต่อปีด้วย
เส้นทางรถไฟสายนี้ ยังเชื่อมต่อกับทางรถไฟของ ลาว และเมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน ประเทศจีน ทำให้สามารถขนส่งสินค้าเชื่อมภูมิภาคลุ่มน้ำโขงไปถึงท่าเรือแหลมฉบังของไทยง ซึ่งจะพลิกโฉมจังหวัดเชียงราย ให้เป็นโลจิสติกส์ซิตี้ของภูมิภาคนี้ในอนาคต
ที่มา: เฟซบุ๊กเพจ PR.Chiangrai ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย