“สรท” หวั่นปัญหาความตึงเครียดสหรัฐ -อิหร่านฉุดเศรษฐกิจโลกทรุด พร้อมจับตาเงินบาทแข็งค่า ชี้มีโอกาสฉุดส่งออกไทยติดลบถึง 5%
น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า ปัญหาความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่านขณะนี้ ภาคเอกชนมีความกังวลเป็นอย่างมาก แม้จะยังไม่เกิดสงครามแต่ถ้าหากรุ่นแรงและยืดเยื้อขึ้นก็จะกระทบภาครวมต่อเศรษฐกิจโลกอย่างมาก ประกอบกับในช่วงนี้ปัญหาค่าเงินบาทก็อยู่ในช่วงแข็งค่าขึ้นหลายฝ่ายก็มองว่าโอกาสค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นอีกได้ ดังนั้น ปัจจัยเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยอย่างมากและจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม หากความรุนแรงปัญหาสงครามระหว่างสหรัฐและอิหร่านเกิดขึ้นจริงผลกระทบต่อไทยจะเกิดขึ้นต่อภาคการส่งออกสินค้าไทยไปทำตลาดในตะวันออกกลางอย่างมากได้ ซึ่งขณะนี้แผนการทำตลาดในตะวันออกกลางของไทยมีการวางแผนไว้แล้ว แต่หากสงครามเกิดขึ้นจะกระทบทั้งยอดส่งออกเพราะต้นทุนด้านส่งออกโดยเฉพาะในด้านราคาน้ำมันจะสูงขึ้น แต่สิ่งที่ภาคเอกชนกังวลมากที่สุด คือ เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง แม้ว่าทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเข้ามาดูแลค่าเงินบาทบ้างแล้วก็ตาม แต่โอกาสที่ค่าเงินบาทของไทยในปีนี้ยังมีโอกาสที่แข็งค่าขึ้นอีกได้ ดังนั้น จึงมองว่า หากค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 30.50 – 32.00 บาทต่อดอลลาร์โอกาสที่ภาคการส่งออกของไทยในปีนี้จะเติบโตอยู่ที่ 0-1% แต่หากเงินบาทแข็งค่าอยู่ที่ 28 บาทต่อดอลลาร์มีโอกาสที่ส่งออกของไทยจะติดลบถึง 5% ซึ่งถือว่าแย่สุด
นอกจากนี้ สิ่งที่จะต้องดูติดตามในปีนี้ คือ ทางออกของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะในปีที่ผ่านมาปัจจัยนี้ฉุดให้ภาคการส่งออกของไทยไม่ดีนักเห็นได้จากต้วเลขส่งออกในเดือนพฤศจิกายน 2562 พบว่า มีมูลค่า 19,656 ล้านดอลลาร์หดตัวลดต่อเนื่องถึง 7.39%
ขณะที่ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2562 มีมูลค่าการค้ารวม 227,090 ล้านดอลลาร์ ยังหดตัว 2.77% และมองว่าตัวเลขการส่งออกในเดือนธันวาคม 2562 ก็น่าจะมีโอกาสติดลบอีกได้ ส่งผลให้ตัวเลขการส่งออกในปี 2562 น่าจะติดลบ 2.5-3% และสิ่งที่ สรท. เพื่อแก้ไขปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่า คือ อำนวยความสะดวกการใช้บัญชี FCD สำหรับการชำระค่าสินค้าและบริการภายในประเทศ และบริหารจัดการค่าธรรมเนียมทางการเงินให้กับภาคเอกชนต่อการส่งออก ซึ่งสัปดาห์หน้า สรท.จะเข้าพบผู้บริหารธปท.เพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหาการแข็งค่าของเงินบาท
