“สนธิรัตน์” ประกาศเปิดรับสมัครโรงไฟฟ้าชุมชนมกราคม 2563 วางน้ำหนัก 60% พิจารณา โครงการที่เสนอผลประโยชน์ให้ชุมชนสูงสุด
ตอนนี้ “โครงการโรงไฟฟ้าชุมชน” กำลังเป็นที่สนใจ ทั้งบริษัทใหญ่ และเล็กต่างต้องการเข้าโครงการนี้ เช่น บริษัทบางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่เตรียมเสนอชุมชนในเครือข่ายเข้าโครงการหลัก 100 ชุมชน กว่า 200 เมกะวัตต์ รวมไปถึงชุมชนที่ต้องการปั้นโครงการเอง ซึ่งในวันที่ 20 ธันวาคมนี้ วิสาหกิจชุมชนธนาคารต้นไม้หลายสิบชีวิตเป็นอีกกลุ่มก็จะเข้าพบนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เจ้าของไอเดีย เพื่อบอกเจตนาสนใจเข้าโครงการเช่นเดียวกัน
นายสนธิรัตน์ ย้ำว่า หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้อนุมัติหลักเกณฑ์ของโรงไฟฟ้าชุมชนแล้ว จะเริ่มเปิดรับสมัครผู้สนใจเข้าโครงการภายในเดือนมกราคม 2563 โดยจะเปิดรับคราวเดียว 700 เมกะวัตต์
สำหรับแนวทางการพิจารณา ไม่ได้ให้ความสำคัญที่จำนวนเมกะวัตต์ เพียงขอให้ไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ต่อโครงการ แต่ต้องเป็นโครงการที่ทำให้ชุมชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยต้องแข่งขันเสนอผลประโยชน์ (Bidding) ตอบแทนให้ชุมชนสูงสุด ซึ่งจะให้น้ำหนักการพิจารณาประเด็นนี้ถึง 60% ในการคัดเลือก ขณะเดียวกัน ต้องทำไม่ซ้ำพื้นที่กันด้วย ดังนั้นกลุ่มไหนเสนอมาก่อน และผ่านหลักเกณฑ์ ก็จะได้รับการพิจารณาก่อน
โดยโครงการ Quick win ซึ่งเป็นโครงการที่มีอยู่แล้ว จะได้รับการพิจารณาให้เข้าโครงการก่อน เช่น แม่แจ่มโมเดล จังหวัดเชียงใหม่ เป็นต้น ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เข้าไปสนับสนุนมาก่อนแล้ว ซึ่งกลุ่มนี้จะได้รับการอนุมัติได้ภายใน 6 เดือน สำหรับโครงการของหน่วยงานรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจอื่นๆ หากไปจับมือกับชุมชน ก็จะสามารถเสนอมาเข้าโครงการได้เช่นเดียวกัน
“เราจะพิจารณาบนความโปร่งใส มีคณะกรรมการบริหารการรับซื้อไฟฟ้า จากโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ที่มีปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานและทุกภาคส่วนเป็นกรรมการ มาบริหารจัดการ ตลอดจนกำกับดูแลให้โครงการโรงไฟฟ้าชุมชน เป็นไปด้วยความเรียบร้อย “
สำหรับโรงไฟฟ้าประเภทมี 4 ประเภท คือ เชื้อเพลิงชีวมวล ก๊าซชีวภาพ (น้ำเสีย/ของเสีย) ก๊าซชีวภาพ (พืชพลังงาน) และพลังงานแสงอาทิตย์ Hybrid ซึ่งหญ้าเนเปียร์ก็อยู่ในประเภทเชื้อเพลิง ที่สามารถเสนอเข้ามาได้เช่นเดียวกัน
