กกพ.รอนโยบายกพช.เดินหน้าวางเกณฑ์ค้าแอลเอ็นจี รองรับเปิดเสรี-ศูนย์กลางแอลเอ็นจีของภูมิภาค พร้อมประสานกรมเชื้อเพลิงฯขอดูสูตรราคาก๊าซธรรมชาติปากหลุมทุกแหล่ง เตรียมข้อมูลใช้ปรับโครงสรัางราคาเนื้อก๊าซอนาคต
นางสาวนฤภัทร อมรโฆสิต เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กล่าวว่า สำหรับแนวทางการเปิดให้ใช้ หรือเชื่อมต่อระบบส่งก๊าซธรรมชาติ และสถานีก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) แก่บุคคลที่สาม (TPA Regime) รองรับการเปิดเสรีกิจการก๊าซฯนั้น
ขณะนี้ทางกกพ.อยู่ระหว่างการทำงานร่วมกับหลายภาคส่วน รวมถึงติดตามการประมูลซื้อแอลเอ็นจีแบบตลาดจร (spot) ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)ที่จะรายงานในคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)วันที่ 16 ธันวาคมนี้ และการดูคอนเซปต์ของการเป็นศูนย์กลางแอลเอ็นจี (แอลเอ็นจีฮับ) ตามนโยบายรัฐบาลว่าจะมีแนวทางอย่างไร
สำหรับหลักเกณฑ์ต่างๆที่จะมารองรับการเปิดเสรีนั้น อยู่ระหว่างการเตรียมการออกข้อบังคับ และแนวทางการกำกับดูแลผู้บริหารระบบท่อส่งก๊าซฯ (TSO) รวมไปถึงศึกษาและจัดทำหลักเกณฑ์ ที่จะกำหนดในสัญญาซื้อขาย ก๊าซฯทั้่งของเก่า และของใหม่
โดยทำงานร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ รวมไปถึงการศึกษาว่า หากเราเป็นศูนย์กลางซื้อขายแอลเอ็นจี มีเอกชนมาทำธุรกิจค้าแอลเอ็นจีจำนวนมากขึ้น และต้องการส่งต่อไปให้ผู้ใช้ที่ประเทศอื่นๆ จะมีระบบการคิดค่าบริหารจัดการอย่างไร
อย่างไรก็ตามขณะนี้กกพ.ก็มีโครงการทดสอบการพัฒนาเป็นศูนย์กลางกิจการแอลเอ็นจี (ERC Sandbox) ด้วย ดำเนินงานโดยบริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) โดยยอมรับว่าการวางหลักเกณฑ์รองรับการเปิดเสรีกิจการค้าแอลเอ็นจีมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ต้องทำในหลายเรื่อง
“นอกจากนี้สิ่งที่เราจะต้องทำก็ คือการประสานกรมเชื้อเพลิงฯ เพื่อดูข้อมูลสัญญาซื้อขายก๊าซฯในแต่ละแหล่งก๊าซฯ เพื่อให้มีข้อมูลในการปรับโครงสร้างราคาเนื้อก๊าซฯในอนาคต เพราะกกพ.เจอคำถามจากหลายภาคส่วน ว่าเราไม่รู้เรื่องราคาเนื้อก๊าซฯเลย และจะกำกับได้อย่างไร “
ทั้งนี้การที่กกพ.ไม่มีข้อมูลเนื้อก๊าซฯ เพราะเรายังใช้ก๊าซฯจากอ่าวไทย และก๊าซฯจากพม่าขนส่งมาทางท่อเป็นหลัก ซึ่งคนกำกับดูแล คือ คณะกรรมการปิโตรเลียม และกรมเชื้อเพลิงฯ แต่อนาคตเมื่อโครงสร้างธุรกิจก๊าซฯเปลี่ยนไป มีแอลเอ็นจีเข้ามาในตลาดก๊าซฯเพิ่มขึ้น ก็ต้องประสานกรมเชื้อเพลิงฯ ให้เรามีส่วนในการเข้าไปดูเนื้อก๊าซฯในแหล่งผลิตด้วย ส่วนค่าผ่านท่อส่งก๊าซฯก็ต้องมีการปรับขึ้นเช่นเดียวกัน จากปัจจุบัน 20 บาทต่อล้านบีทียู โดยจะต้องรอให้ผู้ประกอบการนำเสนอต้นทุนใหม่มาประกอบการพิจารณาก่อน
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ รองเลขาธิการกกพ. เสริมว่า การเปิดเสรีกิจการก๊าซฯนั้น ต้องทำในหลายเรื่อง และต้องทำร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ในส่วนของปตท.ต้องแยกธุรกิจท่อส่งก๊าซฯให้ชัดเจน และต้องทำหน้าที่เป็น TSO โดยกกพ.กำกับดูแล และออกใบอนุญาตการเป็นผู้นำเข้าและส่งออก (ชิปเปอร์) แอลเอ็นจี ซึ่งเบื้องต้นปตท.และกฟผ.จะเป็นชิปเปอร์หลัก ส่วนบริษัทเอกชนต่างๆที่เป็นผู้ใช้ก๊าซฯ ก็สนใจที่จะเป็นชิปเปอร์ด้วย โดยเฉพาะผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ แต่อยู่ระหว่างการเตรียมพร้อมเพื่อออกใบอนุญาต ประกอบกับยังไม่มีผู้มายื่นเป็นชิปเปอร์อย่างเป็นทางการ
