นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวเปิดงาน KICK OFF โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ 1 ว่าจากการที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายการประกันรายได้เกษตรกร กับพืชเกษตร 5 ชนิด คือ ข้าว ปาล์มน้ำมัน ยางพารา มันสำปะหลัง และข้าวโพด นับแต่วันแถลงนโยบาย จนถึงวันนี้ เป็นระยะเวลา 98 วัน ที่รัฐบาลชุดนี้ ทำได้ไว ทำได้จริง
ในส่วนของยางพารา คณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2562 อนุมัติโครงการประกันรายได้ให้กับเกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ 1 ใช้เวลาเพียง 16 วัน ชาวสวนยางก็ได้รับเงินส่วนต่างจากนโยบายจประกันรายได้ยางพาราเป็นพืชลำดับที่ 3 ที่เกษตรกรได้รับเงินส่วนต่าง จากนโยบายประกันรายได้ ต่อจากข้าว และปาล์มน้ำมัน
“วันนี้จะเป็นวันที่เกษตรกรชาวสวนยางได้จารึกไว้วันหนึ่งว่า สิ่งที่เราได้สัญญาไว้กับพี่น้องประชาชน ในการที่จะประกันรายได้ เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน เราสามารถที่จะทำตามคำพูด เราสามารถที่จะดำเนินการจนกระทั่งเงินมาถึงมือชาวสวนยางได้”นายเฉลิมชัย กล่าว
นายเฉลิมชัย กล่าวต่อว่า สำหรับหลักเกณฑ์และข้อกำหนดของโครงการ คือ
1.เกษตรกรชาวสวนยาง ที่ขึ้นทะเบียนไว้กับการยางแห่งประเทศไทย ก่อนวันที่ 12 สิงหาคม 2562 หลังจากนั้นสามารถไปขึ้นทะเบียนเพิ่มเติม ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่การยางแห่งประเทศไทยกำหนด
2.จะต้องเป็นยางอายุ 7 ปีขึ้นไป และเปิดหน้ากรีดแล้ว รายละไม่เกิน 25 ไร่
ทั้งที่มีเอกสารสิทธิ์ บัตรสีเขียวและบัตรชมพู จำนวน 1,711,252 ราย รวมพื้นที่ทั้งหมด 17,200,001,391 ไร่ หรือประมาณ 86% ของพื้นที่ทั้งหมด ปริมาณยางที่ประกันรายได้ เราจะคิดเฉลี่ยที่ 240 กิโลกรัมต่อไร่ หรือ 20 กิโลกรัมต่อเดือน
ระยะเวลาในการประกันรายได้ทั้งหมด 6 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562-มีนาคม 2563 โดยจ่ายเงินชดเชย ครั้งแรก 2 เดือนต่อ1ครั้ง รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 6 เดือน 3 ครั้ง ซึ่งธกส. จะดำเนินการโอนเงินเข้าบัญชีให้กับเกษตรกรโดยตรง
งวดที่ 1 : 1-15 พฤศจิกายน 2562
งวดที่ 2 : 1-15 มกราคม 2563
งวดที่ 3 : 1-15 มีนาคม 2563
โดยจะเป็นการจ่ายสัดส่วนของเจ้าของส่วนยาง 60% และคนกรีดยาง 40% ฉะนั้นเกษตรกรสวนยางทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเจ้าของสวนยางหรือคนกรีดยาง จะได้รับเงินส่วนต่างจากนโยบายประกันรายได้ครบถ้วนทั้งหมดทุกคน เงินประกันรายได้ แต่ละเดือนจะเท่ากับราคายาง ที่ประกัน – ราคากลางที่ขายได้ตามความเป็นจริง คูณด้วยปริมาณเนื้อยางที่เรากำหนดไว้
ราคายางที่ประกันในครั้งนี้
1.ยางแผ่นดิบคุณภาพดี 60 บาทต่อกิโลกรัม
2.น้ำยางสด DRC 100% 57 บาทต่อกิโลกรัม
3.ยางก้อนถ้วย 23 บาทต่อกิโลกรัม
รายได้ที่เกษตรกรจะได้รับในวันนี้ คือราคาที่ประกัน-ราคากลาง ที่อ้างอิง คูณด้วยปริมาณผลผลิตต่อไร ต่อเดือน ประมาณ 20 กิโลกรัมต่อปี ประมาณ 240 กิโลกรัม
นายเฉลิมชัย กล่าวด้วยว่าโครงการระยะที่หนึ่ง จะเป็นโครงการที่จะประเมินรายได้ที่เกษตรกรได้รับ ส่วนการดำเนินการระยะที่ 2 จะปรับปรุงในส่วนที่เป็นอุปสรรคและปัญหาของระยะที่1 และจะมีมาตรการในการยกระดับราคายางขึ้นมาให้เป็นตามสภาพความเป็นจริง โครงการนี้เราใช้งบประมาณทั้งสิ้น 24,278 ล้านบาท โดยให้ธกส. สำรองจ่ายไปก่อน และมีการจัดสรรงบประมาณในปีต่อๆไปที่จะจัดคืนให้กับ ธกส.ด้วย
