ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2562 ลงมาอยู่ที่ 2.8% จากเดิม 3.1% ขณะที่คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีหน้า ยังมีความเสี่ยงที่จะโตต่ำกว่า 3.0% จากหลายปัจจัยลบ
นางสาวณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่าศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2562 ลงมา โดยคาดว่าจะขยายตัว 2.8% จากเดิมที่ประเมินว่า จะเติบโตราว 3.1% ผลจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และเงินบาทแข็งค่า ส่งผลให้ตัวเลขส่งออกของไทยช่วง 8 เดือนแรกที่ผ่านมา หดตัวมากกว่าคาด ในหลายกลุ่มสินค้า และเกือบทุกตลาด ทำให้การส่งออกปีนี้มีโอกาสติดลบ 1%
ส่วนมาตรการ“ชิมช้อปใช้” คาดว่าจะช่วยหนุนจีดีพีประมาณ 0.02% เนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ผู้บริโภคจับจ่ายใช้สอยอยู่แล้ว
สำหรับเศรษฐกิจปี 2563 เศรษฐกิจโลกยังมีปัจจัยเสี่ยงอยู่มาก ทำให้จีดีพีมีโอกาสโตต่ำกว่า 3% การส่งออกยังคงหดตัว โดยเฉพาะสถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐ-จีนที่ลากยาว ทำให้การส่งออกยังคงหดตัวมากขึ้น คาดหดตัว 2% และเงินบาทยังแข็งค่าจากการเกินดุลการค้าของไทย และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังลดดอกเบี้ย ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่า
อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทยแนะว่า หากต้องการให้เศรษฐกิจไทยปีหน้าขยายตัวไม่ต่ำกว่า 3% ภาครัฐจะต้องมีมาตรการการคลังเพิ่มเติม เพื่อรองรับความเปราะบางของเศรษฐกิจ มุ่งเน้นดูแลแรงงานที่ไม่มีหลักประกันทางสังคมรองรับ เช่น กลุ่มอาชีพอิสระ และเอสเอ็มอีที่ยอดขายชะลอตัวลง หลังจากพบว่าเศรษฐกิจชะลอตัวกระทบเลิกจ้างมากขึ้น
จากการสำรวจภาวะเศรษฐกิจของครัวเรือนไทย พบว่าสถานประกอบ โดยเฉพาะภาคการผลิตที่ตอบแบบสอบถามจำนวน 8.9% ลดเวลาการทำงานล่วงเวลา (โอที) ชะลอรับพนักงานใหม่ 25.4% และเลิกจ้าง 4.5% ส่วนมาตรการทางการเงินนั้น คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในปีนี้ และปี 2563 ลดลงอีก 1 ครั้ง
ดร.ศิวัสน์ เหลืองสมบูรณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ประเด็นข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐ และจีนที่ยังยืดเยื้อ จะกระทบต่อการส่งออกของไทยในปี 2563 เพิ่มขึ้นอีก 1,000-2,500 ล้านดอลลาร์ หลังต้องรับรู้ผลกระทบจากการเก็บภาษีนำเข้าจากสินค้าจีนต่อเนื่อง
ขณะที่ปี 2562 คาดการณ์ผลกระทบไว้ที่ 2,100-3,000 ล้านดอลลาร์ แม้ว่าไทยอาจได้รับประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตบ้าง แต่ก็จะเน้นไปที่ธุรกิจที่ไทยเป็นฐานการผลิตเดิม
ส่วนสถานการณ์เบร็กซิท คาดว่า มีความเป็นไปได้สูงที่สหราชอาณาจักรคงต้องออกจากสหภาพยุโรปแบบไร้ข้อตกลง ขั้นตอนต่อไปคือการตกลงกันเรื่องรูปแบบ และข้อตกลงทางการค้าระหว่างกัน รวมถึงประเด็นพรมแดนไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งพัฒนาการเหล่านี้จะมีผลกระทบต่อตลาดเงิน แม้ว่าผลกระทบของเบร็กซิทต่อเศรษฐกิจไทยจะมีไม่มากนัก
โดยคาดว่าเศรษฐกิจสหราชอาณาจักรอาจจะถดถอยปี 2563 ขณะที่เงินปอนด์จะมีความผันผวนสูง ผลจากเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น เพราะราคาสินค้าจะแพงขึ้น จากภาษีที่สูงขึ้น ส่วนผลกระทบต่อส่งออกไทยคงไม่มาก เพราะสัดส่วนการส่งออกไปสหราชอาณาจักรไม่ถึง 2% ของการส่งออกทั้งหมด