นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการพิจารณาการจัดเก็บภาษีอีคอมเมิร์ซว่า หลังจากรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะผู้ประกอบการในต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว กรมอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลต่างๆ เพื่อเสนอ รมว.คลังพิจารณา ก่อนเสนอ ครม.พิจารณาภายในเดือนมีนาคมนี้
ทั้งนี้ในหลักการเบื้องต้นจะเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจผ่านออนไลน์ทั้งหมด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่มีรายได้จากการซื้อขายสินค้าและบริการในไทยมากกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ประกอบการทั่วไปในประเทศ ให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ภายใต้พื้นฐานการเสียภาษีที่เท่าเทียมกัน
การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการซื้อขายดังกล่าวจะดูจากบัญชีการซื้อขายสินค้าผ่านสถาบันการเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งในต่างประเทศจะประสานงานจากสถาบันการเงินของประเทศผู้ค้าต้นทาง เพื่อจัดเก็บภาษีดังกล่าวมาให้สรรพากร โดยจะจัดเก็บภาษีจากการซื้อขายสินค้าทุกครั้ง ซึ่งเดิมจะจัดเก็บภาษีตั้งแต่สินค้าที่มีการขายซื้อขายตั้งแต่ 1,500 บาทขึ้นไป
สำหรับในปี 2560 มีผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซรายย่อยประมาณ 3 แสนราย ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นอีก 17% ดังนั้นจึงต้องควบคุมให้มีการทำธุรกิจที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย
นอกจากนี้ กรมสรรพากรยังยืนยันว่าจะเก็บภาษีการซื้อ-ขายสกุลเงินดิจิทัลแน่นอน แต่จะต้องรอผลสรุปการประชุมขอฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะมีการนิยามการทำธุรกรรมของคริปโตไว้อย่างไร เพื่อจะได้ประเมินการประเมินการจัดเก็บภาษีได้อย่างถูกต้อง
