Economics

พาณิชย์ คุม ‘สินค้า DUI’ ใช้ประโยชน์ได้ทั้งการพาณิชย์และทหาร ส่งออก-ส่งกลับต้องขออนุญาต

พาณิชย์ ยกระดับคุม “สินค้า DUI” ใช้ประโยชน์ได้ทั้งการพาณิชย์และทหาร ส่งออก-ส่งกลับต้องขออนุญาต เน้นอำนวยความสะดวกทางการค้าควบคู่ความมั่นคง

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการควบคุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ครั้งที่ 1/2567

เพื่อพิจารณายกระดับมาตรการควบคุมสินค้า Dual-use items (DUI) ซึ่งเป็นสินค้าที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในทางพาณิชย์และทางทหาร เช่น เชื้อไวรัสบางชนิดที่นำมาใช้ผลิตวัคซีนทางการแพทย์สามารถนำไปดัดแปลงเป็นอาวุธชีวภาพได้ เป็นต้น

สินค้า DUI"

DUI เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต

โดยปัจจุบันไทยมีพระราชบัญญัติการควบคุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ. 2562 ซึ่งให้อำนาจในการพิจารณากำหนดมาตรการควบคุม DUI อยู่แล้ว แต่ยังไม่มีมาตรการ Licensing ประกอบกับ การพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงที่เพิ่มขึ้นทำให้สินค้าถูกพัฒนาเป็น DUI ได้ และอาจถูกใช้ในการก่อการร้ายหรือเป็นภัยต่อความมั่นคงของโลก ไทยจึงมีความจำเป็นที่ต้องยกระดับมาตรการให้มีประสิทธิภาพเทียบเท่ามาตรฐานสากล

ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ มีมติเห็นชอบให้สินค้า DUI เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต โดยในเบื้องต้นจะควบคุมการส่งออกและการส่งกลับสินค้า DUI ในกลุ่มวัสดุ เครื่องจักรกลหนัก และอุปกรณ์นิวเคลียร์ ก่อนที่จะขยายขอบเขตควบคุมสินค้าอื่น ๆ ต่อไป

นอกจากนี้ ยังได้เห็นชอบให้กรมศุลกากร (กศก.) และ คต. ร่วมกันกำหนดพิกัดอัตราศุลกากรและรหัสสถิติสำหรับสินค้าDUI เพื่อให้ คต. สามารถเชื่อมโยงข้อมูลใบอนุญาตผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์กับระบบ National Single Window (NSW) ของ กศก. ได้ โดยประธานฯ ได้เน้นย้ำว่ากระบวนการออกใบอนุญาตสินค้าDUI ของ คต. จะต้องกำหนดกรอบระยะเวลาการพิจารณาที่ชัดเจนและรวดเร็วเพื่อไม่สร้างภาระแก่ผู้ประกอบการจนเกินความจำเป็น

สินค้า DUI"

เน้นอำนวยความสะดวกทางการค้าควบคู่ความมั่นคง

นายรณรงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การมีมาตรการ Licensing ไม่เพียงแต่จะเป็นการแสดงให้ประชาคมโลกเห็นว่าไทยปฏิบัติตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSCR ที่ 1540) เท่านั้น แต่ยังผลักดันให้ไทยเพิ่มขีดความสามารถทางการค้าในเวทีโลกในระยะยาว เพราะสร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้าสำคัญว่าไทยจะไม่ใช่แหล่งเผยแพร่สินค้าDUI เพื่อนำไปใช้ในทางที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของภูมิภาคและของโลก

รวมถึงจะช่วยดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศมาลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงได้อย่างเป็นรูปธรรม และสร้างโอกาสให้กลุ่ม SMEs เข้ามาอยู่ในห่วงโซ่การผลิตสินค้าที่มีเทคโนโลยีระดับสูงอีกด้วย

สำหรับขั้นตอนต่อไปกระทรวงพาณิชย์โดย คต. จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ และ กศก. เพื่อนำแนวทางการกำหนดมาตรการอนุญาตดังกล่าวไปจัดทำอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้อง พร้อมพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์รองรับการขออนุญาต  โดยพิจารณาบนพื้นฐานของความสมดุล ระหว่างการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการร่วมปกป้องความมั่นคงระหว่างประเทศเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ คต. (www.dft.go.th)

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo