Economics

‘จุลพันธ์’ แจงใช้ ‘ซุปเปอร์แอป’ ในโครงการ ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ เซย์โน ‘เป๋าตัง’

“จุลพันธ์” แจงใช้ “ซุปเปอร์แอป” ใน “ดิจิทัลวอลเล็ต” เซย์โน “เป๋าตัง” หลังวัตถุประสงค์ไม่ตรงกัน ลั่นให้ธนาคารรัฐดำเนินการ ค่าใช้จ่ายไม่มาก!

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าการทำระบบ “ซุปเปอร์แอป” เพื่อใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า จะให้ธนาคารในกำกับของรัฐเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนจะเป็นธนาคารไหน ขึ้นอยู่กับสมาคมธนาคารของรัฐจะไปพูดคุยตกลงกัน ไม่มีการจัดซื้อจัดจ้างหรือให้ภาคเอกชนเข้ามาดำเนินการ โดยค่าใช้จ่ายในการทำแอปไม่ได้มาก แต่ยังไม่สามารถบอกตัวเลขได้ ต้องรอการหารือกันก่อน

ซุปเปอร์แอป

ทั้งนี้ เหตุผลที่ไม่ใช้แอพ “เป๋าตัง” เนื่องจากวัตถุประสงค์ไม่เหมือนกัน เพราะโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นโครงการที่ช่วยเหลือประชาชน เติมเงิน 10,000 บาทเข้าไปในระบบ มีเงื่อนไขในเรื่องของระยะทาง และห้ามใช้ในเรื่องของอบายมุข การออมและการใช้หนี้ ซึ่งเงื่อนไขเหล่านี้ จะเป็นกลไกใหม่ของรัฐในการผลักดันเม็ดเงินลงไประบบ ทำให้กำหนดเป้าหมายได้ชัดเจนมากขึ้น ยืนยันว่าเม็ดเงินเหล่านี้จะลงไปกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งเอสเอ็มอี การท่องเที่ยว จะเป็นประโยชน์ในระยะยาว จะทำให้การใช้เงินของรัฐคุ้มค่าและตรงกับเป้าหมาย

นายจุลพันธุ์ ยืนยันว่า ซุปเปอร์แอป ไม่เกี่ยวกับแอปเป๋าตัง ส่วนเหตุผลที่ไม่ใช้แอปเป๋าตัง ไม่ได้บอกว่าแอปที่จัดทำโดยรัฐในอดีตไม่ดี แต่ฟังก์ชันการใช้งานมีความแตกต่าง รวมถึงวัตถุประสงค์ก็มีความแตกต่าง ในเรื่องของการกำหนดเงื่อนไข อย่างน้อยต้องมีบล็อกเชน เพื่อยืนยันว่าข้อมูลเหล่านี้จะอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ยืนยันมีกลไกรองรับความโปร่งใส ขณะที่โครงการในอดีตบางโครงการข้อมูลเป็นของรัฐ แต่ตัวแอปพลิเคชั่นไม่ใช่ ดังนั้นกลไกในการพัฒนาต่อยอดมีข้อจำกัด แต่เมื่อมีการดำเนินการมาแล้วดึงเอาฐานข้อมูลของรัฐมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด โดยจะไม่มีการลงทะเบียนใหม่ แต่มีความจำเป็นที่จะต้องยืนยันตัวตน

ซุปเปอร์แอป

ทั้งนี้ แม้ว่าการยืนยันตัวตนจะดูไม่สำคัญ แต่เมื่อดูข้อกฎหมายต้องทำ เพราะเป็นไปตามกฎหมายที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด และเมื่อมีการยืนยันตัวตนแล้ว ก็ให้ยืนยันการใช้สิทธิ์ ซึ่งตรงกับข้อห่วงใยของสังคม จะทำให้สามารถคัดกรองบุคคลที่จะเข้ามาใช้สิทธิ์ได้

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า โครงการนี้ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง เป็นโครงการที่โปร่งใส เม็ดเงินทุกบาทมีประชาชนรองรับผ่านบัตรประชาชน จึงไม่มีทางที่เม็ดเงินเหล่านี้จะรั่วไหลไปผ่านกระเป๋าคนอื่น และข้อมูลพื้นที่รองรับในระบบบล็อกเชนมั่นใจได้มากกว่าระบบอื่น ในการที่จะติดตามตรวจสอบความผิดพลาดหรือการทุจริตใด ๆ ขณะเดียวกัน ยังย้ำว่า ขณะนี้ในเรื่องเม็ดเงิน ยังไม่ได้บอกว่าจะมีการกู้มาจากธนาคาร

ส่วนที่หลายคนกังวลว่าจะซ้ำรอยกับโครงการจำนำข้าว นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เป็นคนละเรื่อง ไม่เหมือนกันเพราะนี่เป็นกลไกที่จะเข้าไปเติมของเศรษฐกิจโดยใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือ และยังหาช่องโหว่ไม่ได้เลยว่าจะทุจริตได้ตรงไหน รวมถึงเรื่องที่บอกว่าร้านค้าแรกเข้าต้องจ่าย 3% เป็นเรื่องที่คิดกันไปเอง และไม่ใช่คริปโต เพราะเป็นการเติมเงินเข้ากระเป๋าเงินดิจิทัล พร้อมกันนี้ยืนยันโครงการนี้ ไม่มีว่าทำไม่ได้ เพราะทำได้แน่นอน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK