“ซีพีเอฟ” แจงไตรมาส 1 กำไรกว่า 3 พันล้าน จากยอดขาย 1.2 แสนล้าน คาดราคาดีขึ้นช่วงไตรมาส 2, 3 และ 4 มั่นใจผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมาย
ผลกระทบจากราคาเนื้อสัตว์ที่ลดต่ำลง และอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่อยู่ในระดับที่แข็งค่ากว่าระยะเวลาเดียวกันที่ผ่านมา ส่งผลให้รายได้จากการขายไตรมาสที่ 1 ปี 2561 ของบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย หรือ ซีพีเอฟ มีจำนวน 120,516 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 3,049 ล้านบาท ลดลง 23%
จากระดับราคาเนื้อสุกรในประเทศเวียดนามและไทยที่ปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่เดือนเมษายน แต่มั่นใจผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมาย
รายได้จากการขายของซีพีเอฟเกิดจากกิจการในต่างประเทศ 15 ประเทศคิดเป็น 66% รายได้จากกิจการในประเทศ 29% และรายได้จาการส่งออก 5 % ของรายได้จากการขายรวม โดยรายได้จากการขายรวม 3 ประเทศหลัก คือ ไทย จีน และ เวียดนาม คิดเป็น 73 %
นายสุขสันต์ เจียมใจสว่างฤกษ์ ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม และกรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) ซีพีเอฟ กล่าวถึงปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของซีพีเอฟ ว่าเกิดจากราคาขายเนื้อสุกรที่ลดต่ำลงในเวียดนามและไทย ที่เป็นผลจากภาวะผลผลิตล้นตลาด โดยในเวียดนามราคาเนื้อสุกรเริ่มลดลงอยู่ในระดับต่ำกว่าต้นทุนการผลิตตั้งแต่ปลายปี 2559 มาจนถึงไตรมาสที่ 1 ปีนี้
สำหรับในไทยราคาเนื้อสุกรเริ่มปรับตัวลดลงตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2560 ต่อเนื่องจนถึงไตรมาสที่ 1 ซึ่งเดือนเมษายนที่ผ่านมา ราคาเนื้อสุกรในทั้ง 2 ประเทศเริ่มปรับตัวสูงขึ้นเหนือต้นทุนการผลิต คาดว่าราคาน่าจะดีขึ้นในไตรมาส 2, 3 และ 4 จะส่งผลให้ผลการดำเนินงานของบริษัทโดยภาพรวมดีขึ้น
นายสุขวัฒน์ ด่านเสริมสุข ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจอาหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) กล่าวว่า ความท้าทายของธุรกิจอาหารปัจจุบันนี้มีเพิ่มมากขึ้นจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมีความต้องการที่หลากหลายมากขึ้น ความปลอดภัยของอาหารต้องมาคู่กับรสชาตที่ถูกใจเสมอ ซีพีเอฟมุ่งมั่นในการสรรสร้างนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์อาหารทั้งในรูปของอาหารพร้อมปรุง อาหารพร้อมรับประทาน อาหารว่าง อาหารสุขภาพ อาหารเพื่อผู้ป่วย รวมถึงอาหารตามวัยของผู้บริโภค นอกจากนั้นงานวิจัยเพื่อพัฒนากระบวนการผลิตที่ทันสมัยได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้มาซึ่งต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ และสิ่งสำคัญอีกประการที่บริษัทดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง คือ การใช้วัตถุดิบในการผลิตที่มีคุณภาพเสมอ
ในวันที่ 11 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ซีพีเอฟ ได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ประจำปี 2561 ในระดับ A+ โดยอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ของบริษัทยังคงสะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารของไทย ตลอดจนการมีฐานการผลิตในหลายประเทศ การมีสินค้าและตลาดที่หลากหลาย กลยุทธ์ที่เน้นผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมบริโภคที่มีตราสัญลักษณ์ รวมทั้งความยืดหยุ่นทางการเงินจากการลงทุนเชิงกลยุทธ์ของบริษัท