Economics

‘พาณิชย์’ เผยยอดจัดตั้งธุรกิจใหม่ครึ่งปีแรกโตพุ่ง 17.33% จับตาธุรกิจแลกเงิน!

“พาณิชย์” เผยยอดจัดตั้งธุรกิจใหม่ครึ่งปีแรกโตพุ่ง 17.33% จับตาธุรกิจแลกเงินเติบโตถึง 2.57 เท่า หลังท่องเที่ยวกลับมาคึกคัก

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึง ผลการจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนมิถุนายน 2566 โดยมีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้ง 7,626 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 14.49% (มิ.ย.65 อยู่ที่ 6,661 ราย) โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียน 39,739 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 91.75% (มิ.ย.65 อยู่ที่ 20,744 ล้านบาท)

ยอดจัดตั้งธุรกิจใหม่

โดยประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 598 ราย คิดเป็น 8% ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 591 ราย คิดเป็น 7% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 338 ราย คิดเป็น 4%

ยอดธุรกิจจัดตั้งใหม่ครึ่งปีแรก

ขณะที่ธุรกิจจัดตั้งใหม่ครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.66) มีจำนวน 47,286 ราย เทียบกับครึ่งปี 2565 จำนวน 40,301 ราย เพิ่มขึ้น 6,985 ราย คิดเป็น 17.33% โดยประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 3,601 ราย คิดเป็น 8% ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 3,499 ราย คิดเป็น 7% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 2,197 ราย คิดเป็น 5%

มูลค่าทุนธุรกิจจัดตั้งใหม่ครึ่งปีแรก มีจำนวนทั้งสิ้น 428,647.49 ล้านบาท เมื่อเทียบกับครึ่งปี 2565 จำนวน 280,604.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 148,042.70 ล้านบาท คิดเป็น 53%

ยอดจัดตั้งธุรกิจใหม่

จับตาธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตรา

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรก ยังมีธุรกิจน่าจับตามองที่เติบโตถึง 2.5 เท่า ได้แก่ ธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เติบโตถึง 2.57 เท่า คาดว่าเป็นผลจากที่ธนาคารกลางหลายประเทศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลต่อนโยบายทางการเงินและค่าเงินของแต่ละประเทศ ประกอบกับการท่องเที่ยวกลับมาคึกคัก ทำให้ความต้องการแลกเปลี่ยนเงินตราเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจขายส่งข้าวเปลือกและธัญพืช เติบ 2.54 เท่า คาดว่าเป็นผลจากนโยบาย BCG Model ของรัฐบาลที่ส่งเสริมการลดต้นทุนการผลิตข้าวรักษ์โลก โดยจะมีการสนับสนุนปัจจัยการผลิตและเครื่องจักกลการเกษตร จากกรมการข้าว

สำหรับธุรกิจเลิกประกอบกิจการเดือนมิถุนายน 2566 มีจำนวน 1,659 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 13.40% (มิ.ย.65 อยู่ที่ 1,463 ราย) โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 6,295 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 21.80% (มิ.ย.65 อยู่ที่ 5,168 ล้านบาท) สอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

โดยประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 169 ราย คิดเป็น 10% ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 91 ราย คิดเป็น 5% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 50 ราย คิดเป็น 3%

ยอดจัดตั้งธุรกิจใหม่

ธุรกิจเลิกประกอบกิจการครึ่งปีแรก

ส่วนธุรกิจเลิกประกอบกิจการครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.66) มีจำนวน 7,097 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 49,604.72 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 772 ราย คิดเป็น 11% ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 364 ราย คิดเป็น 5% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 202 ราย คิดเป็น 3%

ทั้งนี้ ส่งผลให้ยังมีธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 882,055 ราย มูลค่าทุน 21.41 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 203,488 ราย คิดเป็น 23.07% บริษัทจำกัด 677,156 ราย คิดเป็น 76.77% และบริษัทมหาชนจำกัด 1,411 ราย คิดเป็น 0.16%

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK