สปสช. ชวนยื่นขอรับเงินสนับสนุน “โครงการส่งเสริมสุขภาพ” ในพื้นที่ กทม. ภายใน 31 ก.ค.นี้ ชี้เป้าเน้นพิจารณา 4 ข้อเสนอ
ทพญ.น้ำเพชร ตั้งยิ่งยง ผู้อำนวยการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 13 กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ขณะนี้ สปสช. เขต 13 อยู่ระหว่างเปิดรับข้อเสนอโครงการบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ที่เป็นปัญหาพื้นที่ระดับเขต/จังหวัด ( P&P area based) ประจำปีงบประมาณ 2567
ดังนั้นจึงขอเชิญชวนให้หน่วยงานหรือองค์กรที่มีสิทธิส่งข้อเสนอโครงการ ยื่นโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนมาได้ที่ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 13 กทม. ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 กรกฎาคม 2566
โครงการที่ขอรับเงินสนับสนุนเน้น 4 ข้อเสนอ
สำหรับโครงการที่ยื่นขอรับการสนับสนุนเข้ามานั้น จะต้องเป็นโครงการที่เกี่ยวกับความจำเป็นทางสุขภาพในพื้นที่ ซึ่งปัญหาสุขภาพประชาชนเขต กทม. นั้น จากการวิเคราะห์ข้อมูลการตายและการเจ็บป่วยที่สำคัญ ภาระโรคและความจำเป็นทางสุขภาพของประชากรพื้นที่ กทม. และข้อมูลจากการสำรวจสุขภาวะครอบครัวและชุมชนในปี 2563- 2564 จะมีจุดเน้นของข้อเสนอโครงการ ประกอบด้วย
- โครงการดูแลและป้องกันปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้องรัง (NCDs) ของทุกกลุ่มวัย สปสช.จะเน้นโครงการที่เป็นนวัตกรรมการดูแลป้องกัน
- ปัญหาการดูแลและป้องกันภาวะถดถอยในผู้สูงอายุ ขอให้เป็นโครงการที่เน้นการเข้าถึงและนวัตกรรมดูแลป้องกัน
- ปัญหาด้านสุขภาพจิต ขอให้เป็นโครงการที่เน้นการป้องกันความรุนแรงจากโรคทางจิตเวช และ
- ปัญหาการเข้าถึงบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในกลุ่มเปราะบางและกลุ่มที่ยังเข้าไม่ถึงบริการ
เงื่อนไของค์กรที่สามารถยื่นขอรับงบสนับสนุน
ทพญ.น้ำเพชร กล่าวอีกว่า หน่วยงานหรือองค์กรที่มีสิทธิส่งข้อเสนอโครงการ สามารถเป็นได้ทั้งหน่วยงานรัฐและภาคประชาชน ตั้งแต่หน่วยบริการ เครือข่ายหน่วยบริการ หน่วยบริการที่รับการส่งต่อผู้รับบริการ องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน และภาคเอกชนที่ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการแสวงหาผลกำไร หน่วยงานของรัฐที่ได้รับมอบหมายให้ทำกิจการในอำนาจหน้าที่ของ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เช่น ศูนย์วิชาการกรม สถาบันการศึกษา หน่วยงานบริหารจัดการหรือขับเคลื่อนที่มีศักยภาพ เช่น ศูนย์วิชาการกรมหรือหน่วยบริการขนาดใหญ่
อย่างไรก็ดี ในส่วนขององค์กรภาคประชาชนนั้น จะต้องมีที่ตั้งองค์กรและรายชื่อกรรมการขององค์กร มีการดำเนินกิจกรรมงานด้านส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค หรือด้านอื่นที่เกี่ยวข้องมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี มีรายงานผลการดำเนินงาน หรือเอกสาร หรือภาพถ่ายที่แสดงถึงกิจกรรม และต้องมีหลักฐานการเป็นนิติบุคคล หรือกรณีที่ไม่ได้เป็นนิติบุคคลจะต้องมีหนังสือรับรอง
ทั้งนี้ หลังจากหมดเขตรับข้อเสนอโครงการในวันที่ 31 กรกฏาคม 2566 แล้ว จะเร่งพิจารณาโครงการให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2566 และจัดทำนิติกรรมสัญญาแล้วเสร็จ ระหว่างเดือน ตุลาคม-พฤศจิกายน 2566 และจะเริ่มเบิกจ่ายเงินให้ผู้รับดำเนินงานโครงการภายในเดือนธันวาคม 2566
หากมีข้อสงสัยประการใด สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 13 กทม. หมายเลขโทรศัพท์ 02-142100
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- สป สช. ชวนใช้บริการฟรี ‘สายด่วนเลิกบุหรี่ 1600’ พร้อมติดตามผล 6 ครั้งตลอด 1 ปี เพื่อให้เลิกสำเร็จ
- ‘สิทธิบัตรทอง’ อัปเดตบริการ พบแพทย์ออนไลน์ ’42 กลุ่มโรค’ ส่งยาถึงบ้าน ในพื้นที่กรุงเทพ
- ‘สิทธิบัตsทอง’ เจ็บป่วยเล็กน้อย รับยาร้านยาใกล้บ้าน 7 เดือนใช้บริการกว่า 1.4 แสนคน เฉียด 2.4 แสนครั้ง