Economics

จับตาสถานการณ์ทุเรียนไทย เมื่อคู่แข่งบุกตลาดจีน ประเทศไหนน่ากลัวที่สุด?

จับตาสถานการณ์ทุเรียนไทย เมื่อคู่แข่งรุก บุกตลาดจีน สั่นคลอนตลาดทุเรียนไทย พร้อมเจาะลึกประเทศคู่แข่งปลูกทุเรียน ประเทศไหนน่ากลัวที่สุด?

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยบทความ “จับตาสถานการณ์ทุเรียนไทย เมื่อคู่แข่งรุก บุกตลาดจีน” ช่วงทศวรรษที่ผ่านมาไทยครองแชมป์ผู้ส่งออก “ทุเรียน” อันดับ 1 ของโลก โดยเฉพาะในตลาดผู้บริโภคหลักของโลกอย่าง “จีน” ซึ่งไทยครองส่วนแบ่งการตลาดเกือบทั้งหมด แต่ในปัจจุบันมีหลายปัจจัยที่คาดว่าจะเข้ามาสั่นคลอนตลาดทุเรียนไทย ทั้งฝั่งของคู่แข่งที่เข้ามาแย่งชิงตลาดมากขึ้นและผู้บริโภคชาวจีนที่ให้ความสนใจทุเรียนจากประเทศอื่นมากขึ้น ซึ่งบทความฉบับนี้ต้องการฉายภาพสถานการณ์ทุเรียนโลกที่ กําลังเปลี่ยนไป เพื่อให้ทุกฝ่ายรู้ลึก รู้ทัน และช่วยกันเตรียมรับมือกับความท้าทายจองทุเรียนไทยในอนาคต

ทุเรียนไทย

ตลาดทุเรียนไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด

ที่ผ่านมาตลาดทุเรียนไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากความนิยมบริโภคของจีนที่เพิ่มขึ้น โดยตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มูลค่าการส่งออกทุเรียนของไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากความต้องการบริโภคทุเรียนของจีนที่เพิ่มขึ้นมากโดยในปี 2565 มูลค่าการส่งออกทุเรียนไทยทําสถิติสูงสุดที่ 1.24 แสนล้านบาท ครองแชมป์ผลไม้ส่งออกอันดับ 1 ของไทย

รวมทั้งทุเรียนไทยเกือบทั้งหมดส่งออกไปตลาดจีนในรูปของทุเรียนผลสด เนื่องจากเดิมไทยเป็นประเทศเดียวที่จีนอนุญาตให้ส่งทุเรียนผลสดไปขายมานานหลายปี และความนิยมบริโภคทุเรียนของจีนที่เพิ่มขึ้น ทำให้ราคาทุเรียนปรับตัวสูงขึ้น และเกษตรกรไทยหันมาปลูกทุเรียนมากขึ้น ซึ่งในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา ราคาทุเรียนเพิ่มขึ้นจากเฉลี่ย 33 บาทเป็น 111 บาท/กก. และส่งผลให้พื้นที่ปลูกทุเรียนเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว

ทุเรียนไทย

สถานการณ์ทุเรียนโลกกำลังเปลี่ยนไปจากเดิม

สถานการณ์ทุเรียนโลก กำลังเปลี่ยนไปจากเดิม ทั้งฝั่งของผู้บริโภค และคู่แข่งผู้ปลูกทุเรียน อีกทั้งจีนยังต้องการบริโภคทุเรียนอีกมาก แต่เริ่มนําเข้าจากประเทศอื่นมากขึ้น ซึ่งจีนเป็นผู้บริโภค หลักที่น่าเข้าทุเรียนผลสดสูงถึง 80% ของปริมาณการนำเข้าทั่วโลก เนื่องจาก

  • อัตราการบริโภคทุเรียนต่อคนของจีนยังไม่สูงนัก เมื่อเทียบกับประเทศผู้บริโภค ทุเรียนอื่น ๆ แม้แต่กลุ่มเมืองใหญ่ของจีน ที่เป็นผู้บริโภคหลักใน ปัจจุบันก็ยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นได้อีกเช่นกัน
  • การขนส่งของจีนมีการพัฒนาระบบขนส่งอย่างต่อเนื่อง ทําให้สามารถกระจายสินค้าไปยังเมืองรองด้านในและพื้นที่ชุมชนได้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม จีนเริ่มเปิดใจกับทุเรียนจากชาติอื่น สายพันธุ์อื่นมากขึ้น จากเดิมที่บริโภค ทุเรียนหมอนทองจากไทยเป็นหลัก แต่เมื่อไม่นานนี้ ได้อนุญาตให้เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ส่งทุเรียนผลสดมาขายในจีนเช่นกัน

  • เวียดนาม ได้รับใบอนุญาตเป็นประเทศที่ 2 เมื่อเดือนกรกฎาคม 2565 และได้ส่งทุเรียน “หมอนทอง” เข้าไปขายในราคาใกล้เคียงกับไทย ทําให้ได้ส่วนแบ่งการตลาดใปกว่า 5% จากเดิมที่ไม่มี
  • ฟิลิปปินส์ ได้รับใบอนุญาตล่าสุดเมื่อช่วงเดือนมกราคม 2566 และเริ่มส่งทุเรียนพื้นเมือง “พันธุ์ปูยัด” เข้าไปให้ชาวจีนได้ลองทาน

ทุเรียนไทย

แนวโน้มการแข่งขันในตลาดทุเรียนโลกรุนแรงขึ้น

อย่างไรก็ตาม คาดว่าภายใน 5 ปีข้างหน้า จีนมีโอกาสบริโภคเพิ่มขึ้น อีก 1 กก./คน/ปี แปลว่าจะต้องการทุเรียนเพิ่มขึ้นกว่า 1 ล้านตัน รวมทั้งแนวโน้มการแข่งขันในตลาดทุเรียนโลกรุนแรงขึ้น ทั้งจากไทยที่ปลูกทุเรียนเพิ่มขึ้นกว่า 8% ต่อปี และประเทศคู่แข่งที่ขยายพื้นที่ปลูก เพื่อบุกตลาดส่งออกมากขึ้น

โดยเฉพาะตลาดทุเรียนผลสดในจีน ที่หลายประเทศเร่งพัฒนาคุณภาพทุเรียน และต่อคิวรอขอใบอนุญาตส่งออกทุเรียนสดจากจีนเช่นกัน รวมทั้งคู่แข่งแต่ละประเทศมีจุดแข็ง และระดับความน่ากังวลแตกต่างกัน ดังนี้

ทุเรียนไทย

ทั้งนี้ ภายในระยะ 3 ปีนี้ ยังไม่น่ากังวลมาก คาดว่าผลผลิตของคู่แข่งอาจยังเข้าสู่ตลาดจีนไม่มากนัก เนื่องจากต้องใช้เวลาพัฒนาคุณภาพทุเรียนขึ้นทะเบียนสวน โรงคัดบรรจุ และทำการตลาดในจีน หากรวมกับผลผลิตของไทยที่จะเพิ่มขึ้น จะเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับแนวโน้มการบริโภคของจีน แต่ราคาอาจถูกกดดันเป็นบางช่วง โดยเฉพาะช่วงที่ผลผลิตไทยและคู่แข่งออกพร้อมกัน

แต่ในระยะ 5 ปีข้างหน้า น่ากังวลมากขึ้น เมื่อคู่แข่งเริ่มปรับตัวได้ คาดว่าจะมีผลผลิตที่พร้อมส่งออกไปตลาดจีนเพิ่มขึ้นมาก และอาจมากกว่าแนวโน้มการบริโภคของจีน (Oversupply) ซึ่งจะเป็นแรงกดดันต่อทั้งการส่งออก และราคาทุเรียนของไทยได้

ทุเรียนไทย

แม้ทุเรียนไทยยังได้เปรียบคู่แข่งอยู่มาก แต่ต้องไม่ชะล่าใจ ควรร่วมมือกันพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าทุเรียนไทยกำลังจะเผชิญกับความท้าทายที่มากขึ้นในอนาคต แต่ไทยเองยังมีข้อได้เปรียบคู่แข่งอยู่มาก โดยเฉพาะเรื่องปริมาณผลผลิตที่มีมาก คุณภาพทุเรียนที่เป็นที่ยอมรับ และประสบการณ์ส่งออกไปตลาดจีนที่ยาวนาน

ดังนั้น หากทุกฝ่ายร่วมกันพัฒนาทุเรียนไทยอย่างต่อเนื่อง อาทิ ทำการตลาดในเมืองรองของจีน รวมถึงประเทศอื่นรักษาคุณภาพทุเรียน โดยเฉพาะปัญหาทุเรียนอ่อนช่วงต้นฤดูกาลผลผลิต ส่งเสริมความรู้ เรื่องเทคนิคการปลูกทุเรียนเพื่อเพิ่มผลผลิตต่อไร่ และบริหารจัดการเส้นทางขนส่งทุเรียนให้เหมาะสมกับ สถานการณ์ ก็จะทำให้ไทยสามารถป้องกันตำแหน่ง “แชมป์ส่งออกทุเรียนอันดับ 1 ของโลก” ได้ไม่ยาก

บทความโดย : ณิชมล ปัญญาวชิโรกุล กฤตยา ตรีวรรณไชย ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK