Economics

ยอดใช้ ‘น้ำมันเชื้อเพลิง’ ไตรมาสแรก พุ่ง 5.6% ส่งสัญญาณ ‘เศรษฐกิจฟื้นตัว’

กรมธุรกิจพลังงาน เผย ยอดใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไตรมาส 1 ปี 2566 พุ่ง 5.6% ส่งสัญญาณชัดเจนถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ มองภาพรวมหลังจากนี้ จนถึงสิ้นปี มีแนวโน้มปรับตัวขึ้น

นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดี กรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า ภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไตรมาส 1 ปี 2566 (ม.ค.-มี.ค.) เฉลี่ยอยู่ที่ 160.85 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.6% และคาดว่าในครึ่งปีหลังการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิด มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศอย่างเห็นได้ชัด

น้ำมันเชื้อเพลิง

การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไตรมาส 1/2566

  • น้ำมันกลุ่มเบนซิน เฉลี่ยอยู่ที่ 31.78 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 6.6%
  • น้ำมันกลุ่มดีเซล เฉลี่ยอยู่ที่ 76.40 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 0.2%

โดยเป็นการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 สูงถึง 66.66 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งเป็นผลจากมาตรการลดอัตราภาษีสรรพสามิต ร่วมกับกลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ตรึงราคาให้ไม่เกิน 35 บาทต่อลิตร

น้ำมันเชื้อเพลิง
นันธิกา ทังสุพานิช

ขณะที่น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา และ บี20 ใช้ลดลงมาอยู่ที่ 1.08 ล้านลิตรต่อวัน และ 0.16 ล้านลิตรต่อวัน ตามลำดับ เนื่องจากการกำหนดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วขั้นต่ำที่เท่ากันทุกชนิด

  • น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เฉลี่ยอยู่ที่ 14.04 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 95.2% ตามมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของหลายประเทศ
  • LPG เฉลี่ยอยู่ที่ 17.02 ล้านกก.ต่อวัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.6% ส่วนใหญ่มาจากการใช้ลดลงของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี 10.7%

น้ำมันเชื้อเพลิง

ขณะที่ การใช้น้ำมันหลังจากนี้ จนถึงสิ้นปี 2566  ในภาพรวม โดยเฉพาะในครึ่งปีหลัง คาดว่า การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิด มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการเปิดตัวของธุรกิจใหม่ ที่ต้องพึ่งพาการขนส่ง และการใช้พลังงานปริมาณมาก

โดยคาดว่าจะมีการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ดังนี้

  • น้ำมันกลุ่มเบนซิน เพิ่มขึ้น 12.2%
  • น้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 8.3%
  • น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (JET A1) เพิ่มขึ้น 23.2%
  • น้ำมันเตา เพิ่มขึ้น 4.2%
  • LPG เพิ่มขึ้น 9.0%

นอกจากนี้ กรมคาดว่าการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย ปี 2566 ในภาพรวม ยกเว้นน้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (JET A1) จะกลับมาใกล้เคียงปี 2562 เนื่องจากหลายประเทศยังคงมีมาตรการจำกัดการเดินทาง ประกอบกับสายการบินอยู่ระหว่างการฟื้นฟู

สำหรับทิศทางการดำเนินงานในอนาคตของกรมธุรกิจพลังงาน ในการเตรียมพร้อมรองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) ได้คาดการณ์สถานการณ์ที่จะกระทบอุตสาหกรรมด้านน้ำมัน และจัดทำร่างแผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง (Oil Plan) ให้สอดรับกับแผนพลังงานงานชาติร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

ปัจจุบัน อยู่ระหว่างเตรียมรับฟังความเห็นประชาชน ร่วมกับแผนพลังงานด้านต่าง ๆ

น้ำมันเชื้อเพลิง

Oil Plan มีสาระสำคัญครอบคลุม 4 ด้าน

ความมั่นคง มุ่งศึกษาปรับปรุงอัตราสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน

บริหารจัดการชนิดน้ำมันในภาคขนส่ง ลดชนิดน้ำมันเชื้อเพลิงที่จำหน่ายในสถานีบริการน้ำมันและส่งเสริมการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม

ส่งเสริมการใช้และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยเพิ่มประสิทธิภาพระบบขนส่งน้ำมันทางท่อ และส่งเสริมการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะในสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง

ส่งเสริมธุรกิจใหม่ (New Businesses) ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนผู้ประกอบกิจการโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมที่จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานในการลงทุนธุรกิจใหม่

กรมธุรกิจพลังงาน คาดว่า การขับเคลื่อนแผน Oil Plan จะเกิดผลประโยชน์ต่อประเทศชาติทั้งทางตรง และทางอ้อม คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 200,000 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

น้ำมันเชื้อเพลิง

เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านพลังงาน และการขับเคลื่อน Oil Plan จึงมีการกำหนดทิศทางการดำเนินการ ผ่านแผนปฏิบัติราชการกรมธุรกิจพลังงานปี 2566-2570 ที่ปรับปรุงใหม่ เน้นใน 3 ด้าน คือ

  • ส่งเสริมความมั่นคงและการลงทุนธุรกิจพลังงาน เน้นการขับเคลื่อน Oil Plan และสนับสนุนการลงทุนธุรกิจใหม่ ๆ ตลอดจนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่เกี่ยวข้อง
  • ยกระดับการกำกับดูแลธุรกิจพลังงานให้มีประสิทธิภาพ ทั้งการพัฒนาห้องตรวจคุณภาพน้ำมัน ปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับบริบทการเปลี่ยนผ่าน และการให้บริการผ่าน E-Service
  • ยกระดับองค์กรสมรรถนะสูงบนฐานดิจิทัล โดยการปรับโครงสร้างองค์กร และการพัฒนาบุคลากรให้มีสมรรถนะสูงสามารถขับเคลื่อนภารกิจขององค์กรในช่วงเปลี่ยนผ่านได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในด้านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน กรมธุรกิจพลังงานจะส่งเสริม และผลักดันให้ การขนส่งน้ำมันทางท่อให้เป็นระบบขนส่งหลักของประเทศ โดยจะเร่งพิจารณาการเชื่อมท่อขนส่งให้เป็นโครงข่าย ศึกษารูปแบบบริหารจัดการระบบท่อแบบ Single Operator ตลอดจนโอกาส และความเป็นไปได้ในการพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการขนส่ง และจำหน่ายน้ำมันไปยังประเทศ CLMV

น้ำมันเชื้อเพลิง

นอกจากนี้ ยังได้ร่วมมือกับ 3 การไฟฟ้า สำนักงานกำกับกิจการพลังงาน และสถานีบริการทั่วประเทศ ส่งเสริมการติดตั้งสถานีประจุไฟฟ้าสาธารณะ ในสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง โดยเร่งจัดทำมาตรฐานความปลอดภัย ให้เป็นทิศทางเดียวกันและพัฒนาการให้บริการให้เป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว

ในด้านการพัฒนาเพื่อให้บริการผ่านระบบ e-Service กรมได้วาง Roadmap ยกระดับการให้บริการและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนผู้มาติดต่อ สร้างความโปร่งใสในการบริหารงานผ่านระบบ e-Service โดยคาดว่าจะศึกษาจัดวางระบบได้ภายในปี 2566 และเปิดขออนุมัติ อนุญาตกิจการด้านความปลอดภัย ได้ภายในปี 2567 และขยายการใช้งานระบบไปยังส่วนภูมิภาคได้ภายในปี 2568

ทั้งนี้ การดำเนินงานในอนาคตของกรมธุรกิจพลังงานดังกล่าว กรมจะดำเนินการร่วมกับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน และผู้เกี่ยวข้อง เชื่อมั่นว่าการดำเนินการดังกล่าวของกรมจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การให้บริการประชาชนโปร่งใสมีประสิทธิภาพ สามารถขับเคลื่อนพลังงานของประเทศให้มีความมั่นคง เพิ่มการลงทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในที่สุด

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo