Economics

ดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเดือน ก.พ. พุ่งสูงสุดในรอบ 47 เดือน จี้รัฐเร่งเบิกจ่ายงบ

ดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ระดับ 96.2 พุ่งสูงสุดในรอบ 47 เดือน ชี้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกองค์ประกอบ จี้รัฐเร่งเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามแผนงาน

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเดือนกุมภาพันธ์ 2566 อยู่ที่ระดับ 96.2 เพิ่มขึ้นจากระดับ 93.9 ในเดือนมกราคม 2566 ซึ่งถือว่าสูงสุดในรอบ 47 เดือน นับตั้งแต่เมษายน 2562 โดยค่าดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกองค์ประกอบ ทั้งคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการ และผลประกอบการ

ดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการผลิต ตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศ การบริโภค และการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวชัดเจน และอานิสงส์การเปิดประเทศของจีน ขณะเดียวกัน การดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐผ่านโครงการต่าง ๆ ตลอดจนการเร่งการใช้จ่ายภาครัฐ ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศ ขณะที่ต้นทุนประกอบการประเภทราคาวัตถุดิบปรับตัวลดลงจากเดือนก่อน

ส่วนปัจจัยกดดันความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในเดือนนี้ มาจากอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่หดตัวลง เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะที่สถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนยังยืดเยื้อ ปัญหาเงินเฟ้อสูงในประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เช่น สหรัฐ ยุโรป รวมทั้งความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนยังเป็นความเสี่ยงต่อการค้าระหว่างประเทศของไทย ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการยังกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ราคาน้ำมัน และค่าไฟฟ้า ซึ่งเป็นต้นทุนหลักของภาคเอกชน

ดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรม
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล

สำหรับดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 103.6 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 101.1 ในเดือนมกราคมเนื่องจากผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยมีแรงผลักดันจากภาคการท่องเที่ยว การบริโภคในประเทศ และการลงทุน รวมถึงการจัดเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคม ซึ่งคาดว่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น รวมทั้งการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคของจีน จะส่งผลดีต่อภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทย

ดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรม

อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการมีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ดังนี้

  1. ขอให้ภาครัฐเร่งการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามแผนงาน เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจหยุดชะงักในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล
  2. เสนอให้ภาครัฐร่วมมือกับภาคเอกชน และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ในการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่เกินค่ามาตรฐาน รวมทั้งให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK