Branding

‘เครือสิงห์เอสเตท’ ผนึกทุนเมียนมา ลุยโรงแรมที่ 3 ‘เกาะมัลดีฟส์’

หลังจากเปิด 2 โรงแรมบนเกาะมัลดีฟส์ในปีนี้ ได้แก่ ทราย มัลดีฟส์ ลากูน คูลิโอ คอลเลคชั่น บาย ฮิลตัน และ ฮาร์ดร็อคโฮเทล ซึ่งเปิดให้บริการไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ล่าสุด บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท หรือ SHR ในเครือสิงห์ เอสเตท ได้ดึงกลุ่มทุนเมียนมา เข้ามาร่วมลงทุน เพื่อเปิดโรงแรมในเครือแห่งที่ 3 บนเกาะมัลดีฟส์

นายชัยรัตน์ ศิวะพรพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR ในเครือสิงห์ เอสเตท เปิดเผยว่า ล่าสุด SHR เตรียมลงทุนร่วมกับบริษัท อีโค เวิลด์ ดีเวลอปเปอร์ (EWD) กลุ่มทุนจากเมียนมา โดยจัดตั้งบริษัท นิว มัลดีฟส์ ขึ้น เพื่อพัฒนาโรงแรมบนเกาะมัลดีฟส์เป็นแห่งที่ 3 ด้วยงบลงทุนเกือบ 1,700 ล้านบาท

222326627

สำหรับโรงแรมดังกล่าว จะเน้นวิลล่าหรูขนาดพื้นที่ 120-320 ตารางเมตร จำนวน 80 หลัง อัตราค่าห้องพักต่อคืนประมาณ 900-1,000 เหรียญสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2565

การตัดสินใจเปิดโรงแรมเป็นแห่งที่ 3 บนเกาะมัลดีฟส์ เนื่องจากมองเห็นโอกาสการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมัลดีฟส์ จากการที่อีกปัจจัยหนึ่งที่สนามบินเตรียมเปิดรันเวย์ที่ 2 เพิ่ม เพื่อเพิ่มความสะดวกให้นักท่องเที่ยว และจะส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวในมัลดีฟส์เติบโตอย่างก้าวกระโดดจาก 1.6 ล้านคนในปี 2562 ไปเป็น 2 ล้านคนในปี 2563 และยังมีโอกาสขยายการรองรับไปถึง 4 ล้านคน เมื่อเทอร์มินอลสำหรับรันเวย์ที่ 2 สร้างเสร็จในอนาคต

ปัจจุบัน SHR มีโรงแรมในเครือทั้งหมด 39 แห่งใน 5 ประเทศทั่วโลก แบ่งเป็น 7 แบรนด์หลัก และ 3 ประเภทการลงทุน ได้แก่

  • โรงแรมที่มีเชนช่วยบริหารจัดการ มีสัดส่วนรายได้กว่า 68% ภายใต้แบรนด์เอาทริกเกอร์ (Outrigger)
  • โรงแรมที่บริหารจัดการเอง มีสัดส่วนรายได้กว่า 29% อาทิ แบรนด์พีพี ไอซ์แลนด์ วิลเลจ และสันติบุรี

ฮาร์ดร็อค

  • โรงแรมที่บริหารจัดการเองโดยมีข้อตกลงแฟรนไชส์ ขณะนี้มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 3% อาทิ แบรนด์ทราย มัลดีฟส์ ลากูน คูลิโอ คอลเลคชั่น บาย ฮิลตัน และฮาร์ดร็อค โฮเทล ซึ่งอยู่บนเกาะที่ 1 และ 2 จากสัมปทาน 3 เกาะ

นายชัยรัตน์ กล่าวว่า หลังจากเปิดให้บริการโรงแรม ทราย มัลดีฟส์ ลากูน คูลิโอ คอลเลคชั่น บาย ฮิลตัน และฮาร์ดร็อค โฮเทล ปัจจุบันมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยราว 30% เนื่องจากเริ่มขายเฉพาะช่องทางออนไลน์ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มเป็น 40% ในปลายปีนี้

ขณะเดียวกันในปีหน้า จะเริ่มขยายช่องทางขายผ่านโฮลเซล เพื่อขยายฐานลูกค้าและสร้างการรับรู้ในกลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรป ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวหลักของภูมิภาคมัลดีฟส์ ทำให้คาดว่าจะมีอัตราการเข้าพักได้ที่ 50-60% และทำให้รายได้จากทั้ง 2 โรงแรมมีสัดส่วน 30-40% ของรายได้รวมบริษัท

Avatar photo