Branding

‘Self-Storage’ เค้กก้อนใหม่ที่ต้องจับตา เมื่อ ‘ไลฟ์สไตล์-สังคม’ เปลี่ยนไป

ธุรกิจที่เก็บของนิรภัย หรือ Self-Storage เริ่มได้รับความสนใจทั้งจากผู้ประกอบการที่มองเห็นโอกาสธุรกิจ และผู้ใช้บริการที่ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตเปลี่ยนไป โดยเฉพาะสังคมเมืองที่อยู่คอนโดมิเนียมซึ่งมีพื้นที่จำกัด การทำงานนอกสถานที่มากขึ้น รวมถึงนักท่องเที่ยวที่นิยมช้อปปิ้ง ทำให้เกิดธุรกิจที่เก็บของให้เช่าขึ้นมามากมายหลายรูปแบบ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการใช้งานของลูกค้าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น ตู้นิรภัยให้เช่า, ห้องเก็บของนิรภัย ไปจนถึงห้องเก็บไวน์

04 JWD Safe Deposite

ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า ตลาด Self-Storage จะมีอัตรการเติบโตต่อเนื่อง ทั้งจากความต้องการของผู้บริโภค และจากการเข้ามาของผู้ประกอบการรายใหม่ๆ รวมถึงรายเดิมที่ขยายพื้นที่การให้บริการในวงกว้างมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นการใช้บริการของลูกค้าให้เพิ่มขึ้นด้วย โดยปัจจุบันตลาดให้เช่าเก็บของในประเทศไทย มีพื้นที่รวมประมาณ 200,000 ตร.ม. โดยคาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 400,000 ตร.ม.

หนึ่งในผู้ประกอบการที่กระโดดเข้าสู่ตลาด Self-Storage คือ บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ที่เริ่มจากการเปิดให้บริการ Self-Storage หรือห้องเก็บของส่วนตัวให้เช่า ภายใต้ชื่อ JWD Store It! สาขาสยาม อาคาร JWD Group ซอยจุฬาฯ 16 เป็นแห่งแรกเมื่อปี 2561 ที่ผ่านมา และล่าสุดได้ขยายธุรกิจให้บริการสู่ “ตู้นิรภัยให้เช่า” (Safe Deposit Box) เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่ต้องการเก็บของมีค่าที่มีระบบความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานสูง

Khun Charvanin1
ชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา

นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD เปิดเผยว่า จากแนวโน้มและโอกาสที่เกิดขึ้น ทำให้ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา บริษัทได้เริ่มเปิดให้บริการตู้นิรภัยให้เช่า ที่บริเวณชั้น 5 ของ JWD Store it! สาขาสยาม เพื่อขยายบริการใหม่ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า ทั้งกลุ่มลูกค้าที่ต้องการเก็บของใช้ส่วนตัวหรือต้องการเก็บของมีค่าในที่เดียว

ทั้งนี้ JWD ถือว่าเป็นผู้ประกอบการรายแรกในประเทศไทย ที่เปิดให้บริการห้องเก็บของส่วนตัวให้เช่าและตู้นิรภัยให้เช่าในที่เดียวเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า เนื่องจากในปัจจุบันผู้ดำเนินธุรกิจตู้นิรภัยให้เช่าส่วนใหญ่คือธนาคารต่าง ๆ ซึ่งมีซัพพลาย (ตู้นิรภัยให้บริการ) ไม่เพียงพอกับความต้องการและกำหนดคุณสมบัติลูกค้าที่จะใช้บริการ อาทิ ต้องมีบัญชีเงินฝากกับธนาคาร, ทำประกันชีวิตตามวงเงินที่กำหนด ฯลฯ ส่วนผู้ให้บริการที่ไม่ใช่ธนาคารในปัจจุบันมีเพียง 3-4 ราย และเปิดให้บริการอยู่ในพื้นที่อาคารสำนักงานให้เช่า จึงมองเห็นโอกาสในการเข้ามาทำธุรกิจนี้

01 JWD Safe Deposite

ปัจจุบัน ตู้นิรภัยให้เช่าสาขาสยาม ปัจจุบันเปิดให้บริการในเฟส 1 มีจำนวน 540 ช่อง จากแผนพัฒนาทั้งหมด 4 เฟส รวมทั้งสิ้นประมาณ 2,000 ช่อง โดยมีตู้นิรภัยให้เลือก 4 ขนาด คือ S M L และ XL มีระยะเวลาเช่า 2 รูปแบบ ได้แก่ เช่าระยะสั้น 3 เดือน และเช่าระยะยาว 1 ปี ตั้งเป้าเฟสแรกที่เปิดให้บริการพื้นที่จะเต็มภายใน 3 ปี

จุดเด่นบริการตู้นิรภัยให้เช่าของ JWD คือมีการออกแบบก่อสร้างตามมาตรฐานมีโครงสร้างเป็นผนังคอนกรีตเสริมเหล็ก ติดตั้งประตูกันไฟ และระบบป้องกันอัคคีภัย และระยะเวลาในเปิดยืดหยุ่นกว่า นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยีไบโอเมตริกในการเข้า-ออก ระบบสแกนลายนิ้วมือและใบหน้า โดยลูกค้าสามารถซื้อประกันภัยทรัพย์สินเพิ่มเติมได้สูงสุด 5 ล้านบาทจากความคุ้มครองปกติวงเงิน 100,000 บาท

ในส่วนของห้องเก็บของส่วนตัวให้เช่า ภายใต้ชื่อ JWD Store It! ก็มีแผนขยายสาขาอย่างต่อเนื่องเพื่อก้าวเป็นผู้นำธุรกิจนี้ โดยปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 2 สาขา ถือว่ามีอัตราเช่าพื้นที่อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ได้แก่ สาขาศรีกรีฑา (ถนนกรุงเทพกรีฑา) เปิดให้บริการปี 2557 มีอัตราเช่าพื้นที่ประมาณ 90% และสาขาสยาม เปิดให้บริการปี 2561 มีอัตราเช่าพื้นที่ประมาณ 50%

02 JWD Safe Deposite

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะเปิดให้บริการ JWD Store It! เพิ่มขึ้นอีก 2 สาขาภายในปีนี้ ได้แก่ สาขาเทียมร่วมมิตร มีพื้นที่ให้เช่ารวม 2,000 ตารางเมตร และสาขารามอินทรา มีพื้นที่ให้เช่ารวม 1,800 ตารางเมตร รวมทั้ง 4 ทำเลที่อัตราเช่าพื้นที่ประมาณ 90% จะสามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทต่อปี รวมถึงอยู่ระหว่างการศึกษาและเจรจาเช่าพื้นที่ในย่านใจกลางกรุงเทพฯ เพื่อขยายสาขาเพิ่มเติม โดยตั้งเป้าปี 2563 จะมีพื้นที่ให้บริการ Self-Storage รวมทั้งหมด 2 หมื่นตารางเมตร ซึ่งถือว่าเป็นแบรนด์ที่มีจำนวนสาขาและพื้นที่ให้บริการมากที่สุด

Avatar photo