Business

‘ธ.ก.ส.’ เติมทุนเกษตรกร จัดเต็ม 4 สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ วงเงินกว่า 5,000 ล้านบาท

ธ.ก.ส. เติมทุน 5,000 ล้าน ปล่อย 4 สินเชื่อ ยกระดับสถาบันเกษตรกร หนุนการเชื่อมโยงธุรกิจเกษตรและสร้างมูลค่าเพิ่มตลอดห่วงโซ่คุณค่า

นายไพศาล หงษ์ทอง ผู้ช่วยผู้จัดการและโฆษก ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.). เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. พร้อมสนับสนุนสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน วงเงินรวมกว่า 5,000 ล้านบาท เพื่อให้สถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบการ ได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ ได้แก่

ธ.ก.ส. เติมทุน

  • สินเชื่อสานฝันสร้างอาชีพ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียนและลงทุนในการประกอบอาชีพ อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี
  • สินเชื่อนวัตกรรมดีมีเงินทุน เพื่อสนับสนุนการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับใช้และลดต้นทุนในกระบวนการผลิต อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 4 ต่อปี
  • สินเชื่อเสริมแกร่ง SME เกษตร สำหรับลูกค้าเกษตรหัวขบวนได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนและส่งเสริมการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี
  • สินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย ที่เน้นสนับสนุนสหกรณ์การเกษตร วิสาหกิจชุมชน กองทุนหมู่บ้านและกลุ่มเกษตรกรในการขับเคลื่อนชุมชนให้เกิดการรวมกลุ่มของเกษตรกร เพื่อต่อยอดธุรกิจ สร้างรายได้ ยกระดับเศรษฐกิจชุมชน ด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาลดต้นทุนและเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ผ่านการแปรรูปผลผลิต อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 ต่อปี

พร้อมกันนี้ ยังมุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการ SME เกษตรหัวขบวนและผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (Smart Farmer) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันภาคเกษตรไทยไปสู่ตลาดสากล

ธกส

นอกจากนี้ ธ.ก.ส. นำโดย นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์และกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ยังได้เป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือการเชื่อมโยงธุรกิจสินค้าเกษตรในโครงการจัดการผลผลิตเพื่อยกระดับรายได้เกษตรกรและเพิ่มศักยภาพสถาบันเกษตรกรอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิดแก้หนี้ แก้จน & ก้าวพ้นวิกฤติ

ความร่วมมือดั’กล่าว เพื่อเชื่อมโยงธุรกิจเกษตรตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำและสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกิดขึ้นในห่วงโซ่การผลิต เพิ่มศักยภาพสถาบันเกษตรกรจนไปสู่การสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรอย่างยั่งยืน

นายไพศาล กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2563 ทำให้เกิดสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตภาคการเกษตรมีราคาพุ่งสูงขึ้น อาทิ ปุ๋ยเคมี เชื้อเพลิง ค่าขนส่ง ทำให้เกษตรกรต้องแบกรับภาระด้านค่าใช้จ่ายครัวเรือน รวมถึงหนี้สินที่เกิดจากการลงทุน

ธ.ก.ส. ตระหนักถึงสถานการณ์ดังกล่าวและพร้อมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาและร่วมพัฒนาศักยภาพการผลิตในภาคการเกษตรภายใต้แนวคิดการจัดการ ออกแบบเชิงพื้นที่ แก้หนี้ แก้จน  Design & Manage by Area (D&MBA) เพื่อจัดการและแก้ไขปัญหาหนี้สินโดยคนในชุมชนให้สามารถก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปได้อย่างเข้มแข็ง

ขณะเดียวกัน ยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มในห่วงโซ่การผลิตให้เกษตรกร สถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบการเกษตรมีรายได้อย่างยั่งยืน

ธกส1

ทั้งนี้ ได้ร่วมกับส่วนงานราชการ สหกรณ์การเกษตรและผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคเหนือ จำนวน 9 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดสุโขทัย จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดพิจิตร จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดอุทัยธานี และจังหวัดตาก ดำเนินโครงการจัดการผลผลิตเพื่อยกระดับรายได้เกษตรกรและเพิ่มศักยภาพสถาบันเกษตรกรอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิดแก้หนี้ แก้จน & ก้าวพ้นวิกฤติ

สำหรับรูปแบบการดำเนินการ จะเข้าไปเป็นผู้ช่วยในการจับคู่ธุรกิจ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ภายใต้กรอบแนวคิดการออกแบบ-การจัดการเชิงพื้นที่ แก้หนี้ แก้จน D&MBA ซึ่งเริ่มตั้งแต่การศึกษาสาเหตุ ปัญหาที่เกิดขึ้ กำหนดแนวทางแก้ไข สนับสนุนในการเติมความรู้ให้แก่เกษตรกร จนสามารถส่งมอบผลผลิตให้แก่ผู้ประกอบการ เพื่อส่งออกจำหน่ายไปยังตลาดทั้งในและต่างประเทศ คาดว่าจากการร่วมมือครั้งนี้จะมีปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดกว่า 520,353 ตัน

ทั้งนี้ ธ.ก.ส. ยังมีการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลผ่านโครงการประกันรายได้ในพืชเศรษฐกิจหลัก 5 ชนิด ได้แก่ ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง ยางพาราและปาล์มน้ำมัน และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 ซึ่งมีการจ่ายเงินไปแล้วจำนวน 142,667 ล้านบาทและมีเกษตรกรได้รับประโยชน์กว่า 4.68 ล้านราย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo