Business

‘ศุภวุฒิ สายเชื้อ’ แนะรัฐบาล ‘วางจุดยืน’ กำหนดยุทธศาสตร์ประเทศฝ่าโควิด

กูรูเศรษฐกิจชี้รัฐบาลควรสร้างจุดยืน กำหนดยุทธศาสตร์ประเทศ แนะชูจุดเด่นด้านระบบสาธารณสุขที่ดีหนุนไทยเข้าสู่การเป็นส่วนหนึ่งของโกลบอล ซัพพลายเชน พร้อมคาด จีดีพี ปีนี้ติดลบ 5-10%

ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษากลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รัฐบาลควรวาง Positioning หรือจุดยืนเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์และตอกย้ำจุดแข็งของประเทศไทย

financial crisis 544944 1280

ทั้งนี้การกำหนดยุทธศาสตร์ประเทศ ต้องประเมินโครงสร้างทางเศรษฐกิจและศักยภาพด้านการแพทย์และระบบสาธารณสุข เช่น การวาง Positioning ด้านการแพทย์เพื่อรองรับการสร้างรายได้จากเมดิคอลทัวริสซึม หรือเฮลท์ ทัวริสซึม, การยกระดับประเทศเป็นส่วนหนึ่งของโกลบอลซัพพลายเชนในภาคการผลิตของโลก เป็นต้น

นอกจากนี้ การเกิดสถานการณ์โรคระบาดครั้งนี้ ประเมินว่า New Normal ที่จะเกิดขึ้นในด้านเศรษฐกิจ จะเห็นการเปลี่ยนแปลงด้านต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น เช่น อาจเห็นการท่องเที่ยวแบบเช่าเครื่องบินเหมาลำเป็นกลุ่มเล็ก เนื่องจากต้องการความปลอดภัยในด้านสุขภาพและยังมีความจำเป็นต้องรักษาระยะห่างทางสังคม เป็นต้น

พร้อมกันนี้ยังคาดว่า อัตราจีดีพีของประเทศไทยในปีนี้ จะติดลบไม่ต่ำกว่า 5% และหากมีการแพร่ระบาดในอัตราที่เพิ่มขึ้นอาจะทำให้ จีดีพี ติดลบถึง 10% โดยคาดว่าแนวโน้มจีดีพีทั่วโลกในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้จะลดลงค่อนข้างมาก

“หากมีการแพร่ระบาดรอบใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะทำให้ จีดีพี ของโลกในปี 2563 นี้ แนวโน้มติดลบ 6% และอาจติดลบอย่างต่อเนื่องถึงปี 2564 จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะมีโอกาสกลับมาเติบโตได้ 5%”ดร.ศุภวุฒิ กล่าว

ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ
ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ

สำหรับการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในประเทศไทยเป็นสิ่งที่ต้องเริ่มดำเนินการ เนื่องจากการล็อกดาวน์เป็นระยะเวลานานจะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ โดยกรณีที่ล็อกดาวน์และปิดประเทศเป็นระยะเวลา 1 เดือน ประเมินว่าจะส่งผลกระทบต่อหลายๆ ธุรกิจ เช่น ส่งออกลดลง 5%, ท่องเที่ยวลดลงถึง 30-40%, อุตสาหกรรมยานยนต์ติดลบ 20%, อสังหาริมทรัพย์ ลดลง 20-30% เป็นต้น และหากล็อกดาวน์นานกว่า 1 เดือน จะยิ่งส่งผลกระทบต่อความเสียหายทางเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม การผ่อนคลายให้บางธุรกิจกลับมาเปิดดำเนินการได้ยังคงต้องมีมาตรการยับยั้งการแพร่ระบาดอย่างเข้มงวด ทั้งการตรวจหาผู้ติดเชื้อ การกักตัวกลุ่มเสี่ยง รวมถึงการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือการทำให้ภาคการผลิตเริ่มกลับมาเดินได้ตามปกติ เพื่อให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นและมีความสามารถในการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจค่อยๆ ฟื้นตัวได้จากการบริโภคภายในประเทศและแข็งแกร่งขึ้นในระยะยาว

Avatar photo