ไฮเซ่นส์กางแผนธุรกิจครึ่งปีหลัง 2562 ขนทัพผลิตภัณฑ์รุกตลาดครึ่งปีหลัง ขยายส่วนแบ่งการตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทย ลุยขยายไลน์อัพกลุ่มทีวี ส่ง 4K ขนาด 75 นิ้วและ 65 นิ้ว รวมถึงตู้เย็น ชิงตลาด
นายยี่ เสี่ยวผิง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮเซ่นส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้ ไฮเซ่นส์จะขยายไลน์อัพกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะทีวีและตู้เย็น ตามแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภค ด้วยเฉพาะทีวีที่มีขนาดใหญ่ได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งปีนี้ ไฮเซ่นส์จะทำตลาดทีวีภายใต้คอนเซ็ปต์ “4K Bigger Is Better” วางจำหน่ายทีวี 4K เลเซอร์ ขนาดใหญ่ 75 นิ้ว และ 65 นิ้ว หลังจากปี 2561 ที่ผ่านมาวางจำหน่ายขนาด 100 นิ้วสร้างสีสันในตลาดมาแล้ว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทีวีขนาด 55 นิ้ว ถือเป็นขนาดมาตรฐานของผู้บริโภคไปแล้ว ได้แก่ ได้แก่ ULED TV รุ่น B8000 ขนาด 65 นิ้ว OLED TV รุ่น A91 ขนาด 55 นิ้ว แอนดรอยด์ ทีวี รุ่น B7700 ขนาด 65 นิ้ว ที่ใช้งานง่าย รองรับภาษาไทย ค้นหาด้วยเสียง ทั้งยังเปลี่ยนสมาร์ทโฟนเป็นรีโมทอัจฉริยะผ่านแอปพลิเคชัน RemoteNOW เหมาะกับทุกห้องภายในบ้าน และ Premium UHD TV รุ่น B7500 ซึ่งมีตั้งแต่ขนาด 75 นิ้ว – 43 นิ้ว เพื่อรองรับการใช้งานของผู้บริโภคทุกกลุ่ม
นายฉันท์ชาย พันธุฟัก ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ไฮเซ่นส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในกลุ่มผลิตภัณฑ์กลุ่มตู้เย็นที่เพิ่มไลน์อัพเข้ามา ยังเน้นขนาดใหญ่ด้วยเช่นกัน คือ Multi Door Pure Flat Series 16 คิว และ ตู้เย็น 2 ประตู แบบ Bottom Freezer 16 คิว รวมถึง Side by Side และ 2 ประตู ที่มีดีไซน์เรียบหรู มีช่องบรรจุอาหารในตู้เย็นที่หลากหลายทั้งอาหารสด อาหารแช่แข็ง และเครื่องดื่ม อีกทั้งยังเปลี่ยนดีไซน์ทุกๆ 3 ปี ซึ่งถือว่ามีความถี่มากกว่าแบรนด์อื่นๆ ในตลาด และช่วงเปิดตัวยังนำเสนอราคาโปรโมชั่นราคาที่ดึงดูดใจผู้บริโภค
ปัจจุบัน ไฮเซ่นส์ เป็นแบรนด์ผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลกที่ครองส่วนแบ่งการตลาดทีวีเป็นอันดับหนึ่งในประเทศจีนถึง 15 ปีซ้อน และเป็นเจ้าของบริษัทที่ตั้งอยู่ทั่วโลกจำนวนทั้งสิ้น 54 แห่ง มีฐานการผลิตตั้งอยู่ในต่างประเทศ 5 แห่ง และยังมีศูนย์ วิจัยและพัฒนาอีก 7 แห่งที่ทำการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์อันทันสมัยสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง
ที่ผ่านมา ไฮเซ่นส์ ได้เน้นกลยุทธ์สปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ โดยได้ให้การสนับสนุนการแข่งขันฟุตบอลโลก หรือ ฟีฟ่า เวิลด์คัพ 2018 และขณะนี้ได้เป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 หรือ UEFA EURO 2020 ควบคู่ไปกับการทำการตลาดในแต่ละประเทศ ซึ่งมั่นใจว่าจะทำให้แบรนด์ไฮเซนส์ได้รับความสนใจและเป็นที่จดจำในตลาดระดับนานาชาติเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่ประเทศไทยถือเป็นตลาดที่มีความสำคัญสำหรับไฮเซ่นส์ โดยเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2559 ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้ทำการศึกษาความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง มีการคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อรองรับกับไลฟ์สไตล์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ เทคโนโลยี จอภาพ ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และมีคุณภาพที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ จะยังเน้นการสร้างการรับรู้แบบเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรงผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายพันธมิตรอย่าง เทสโก้ โลตัส โฮมโปร และเพาเวอร์บายทุกสาขา หรือมาร์เก็ตเพลสออนไลน์ต่างๆ พร้อมทั้งเน้นการใช้โซเชียลมีเดียมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการให้อินฟลูเอนเซอร์ รีวิวผลิตภัณฑ์แบบใช้งานจริง เพราะต้องการให้ผู้บริโภครับรู้ถึงคุณสมบัติที่แท้จริงของผลิตภัณฑ์
