“วิรังรอง” เปิด 7 เหตุผลทำไมต้องค้าน “ดิจิทัลวอลเล็ต” ชี้ใช้ยาก มีข้อจำกัดมาก ซับซ้อน ไม่เหมือนการใช้เงินสด ที่สำคัญคือรัฐบาลไม่มีเงิน ต้องกู้มาแจก
นางวิรังรอง ทัพพะรังสี ประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศ (มปปท.) โพสต์คลิปวีดีโอผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมข้อความระบุว่า…ดิจิทัลวอลเล็ตอย่างย่อสำหรับผู้ที่สนับสนุน (ผู้ที่คัดค้านไม่จำเป็นต้องอ่าน) สาเหตุที่มีผู้คัดค้านนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ใช่เพราะเราไม่เห็นศีรษะผู้มีรายได้น้อย อย่างที่นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน กล่าวหา แต่เราต้องการให้รัฐบาลใช้นโยบายเพื่อช่วยเหลือคนไทยผู้มีรายได้น้อยด้วยวิธีอื่น เราคัดค้านการแจกเงินดิจิทัล (กงเต็ก) วอลเล็ต ของรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน เพราะใช้ยาก มีข้อจำกัดมาก ซับซ้อนยุ่งยาก ไม่เหมือนการใช้เงินสด ที่สำคัญคือรัฐบาลไม่มีเงิน ต้องกู้มาแจก ลูกหลานของพวกเราจะต้องทำงานใช้หนี้แทนรัฐบาล จำนวนถึง 560,000 ล้านบาท
ประชาชนควรทราบข้อจำกัดการใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต อาศัยข้อมูลที่ยังไม่ชัดเจนของรัฐบาล ซึ่งพอสรุปได้ดังนี้
1.เงินดิจิทัลวอลเล็ตไม่สามารถนำไปใช้หนี้แทนเงินสดได้
2.การใช้บัตรประจำตัวประชาชนสำหรับผู้ที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือ หรือในกรณีที่แอปฯ มีปัญหา เป็นเรื่องที่ไม่ปลอดภัย เสี่ยงต่อมิจฉาชีพ
3.จำกัดสถานที่ใช้ ทะเบียนบ้านอยู่ที่ไหนให้ใช้ดิจิทัลวอลเล็ตตามที่อยู่ในทะเบียนบ้านนั้นเท่านั้น ไม่เหมือนแอปฯ เป๋าตังลุงตู่ ที่ใช้ได้ทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ทุกตำบล ทุกหมู่บ้านทั่วประเทศ ตัวอย่างคนที่มีทะเบียนบ้าน อยู่จังหวัดขอนแก่น แต่มาทำงานพักอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ถ้าจะใช้เงินดิจิทัลฯ ต้องจ่ายค่าเดินทางกลับบ้านเพื่อไปใช้เงินดิติทัลฯ ที่บ้าน คือที่ จ.ขอนแก่น ดังนั้นประชาชนที่ไม่ได้พักอาศัยอยู่ที่เดียวกับที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน จะใช้เงินดิจิทัลจ่ายค่าอาหาร ค่ารถเมล์ ค่าเช่าบ้าน ค่ายาหรือค่ารักษาพยาบาล ค่าข้าวสาร ค่าแก๊ซหุงต้ม เติมน้ำมันรถ ซื้อของที่ร้านชำ เซเว่นอีเลเว่น บิ๊กซี หรือแม้แต่น้ำดื่ม 1 ขวดก็ไมได้ จะใช้เงินดิจิทัลได้ต้องกลับไปใช้ ณ ที่อยู่ตามทะเบียนบ้านเท่านั้น
4.จำกัดระยะเวลาใช้ ต้องใช้ให้หมดภายใน 6 เดือน สำหรับลูกจ้างลางานกลับบ้านได้ ส่วนใหญ่ก็ได้คราวละ 2 วันคือ วันเสาร์-อาทิตย์ หรือมิฉะนั้นต้องรอวันหยุดสงกรานต์ และต้องรีบใช้เงินดิจิทัลฯ ให้หมดรวดเร็ว 10,000 ถ้าใช้ไม่หมด จะโอนให้พ่อแม่พี่น้องใช้แทนไม่ได้เพราะไม่ใช่เงินสด และเมื่อครบ 6 เดือน เงินดิจิทัลที่ใช้ไม่หมดจะมีค่าเป็นศูนย์ ไม่สามารถนำมาใช้ได้อีกเลย
5.แม้จะใช้ดิจิทัลวอลเล็ตแถวบ้านได้ แต่จำกัดรัศมีการใช้ เดิมรัฐบาลบอกว่าใช้จ่ายได้เฉพาะในรัศมี 4 กิโลเมตร จากที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน (หาไม้วัดไปวัดระยะทางกันเองนะ) ข่าวล่าสุด รัฐบาลเปลี่ยนเป็นใช้จ่ายได้ภายในอำเภอ ตามที่อยู่ในทะเบียนบ้าน”
6.ใช้ได้กับร้านค้าที่ขึ้นทะเบียนในโครงการเท่านั้น จะทานอาหารหรือซื้อของที่ร้านไหน ต้องถามให้ดีก่อนว่ารับเงินดิจิทัลวอลเล็ตไหม เพราะไม่ใช่ว่าจะใช้ได้ทุกร้าน
7.ข้อควรทราบของพ่อค้า-แม่ค้า ร้านค้าขนาดเล็ก ที่จะขึ้นทะเบียนรับเงินดิจิทัลวอลเล็ต ยอดเงินดิจิทัลที่พ่อค้า-แม่ค้า ได้รับจากการขายสินค้า จะถูกบันทึกไว้ในแอปพลิเคชั่นและตรวจสอบโดยรัฐบาล พ่อค้า-แม่ค้า ร้านค้าที่ร่วมโครงการ ต้องเข้าใจเกี่ยวกับภาษีเงินได้ และถ้าต้องจ่ายภาษีก็ต้องจ่ายครบถ้วนภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด ร้านค้าที่อยู่ระบบยื่นภาษีเท่านั้นจึงจะสามารถนำเงินดิจิทัลที่ได้จากการขายสินค้าไปแลกคืนเป็นเงินสดได้ ซึ่งหวังว่าถึงเวลานั้น รัฐบาลจะสามารถจ่ายคืนเงินสดให้ทุกร้านได้ทันทีเต็มจำนวน
พ่อค้า แม่ค้า ควรหมั่นภาวนา ขออย่าให้เป็นเหมือนโครงการรับจำนำข้าว สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งใบประทวนกลายเป็นเศษกระดาษ ไม่มีค่าอะไร ไม่ต่างจากแบงก์กงเต็ก เงินดิจิทัลก็เหมือนกัน ถ้ารัฐบาลไม่มีเงินจ่ายแลกคืนให้ เงินดิจิทัลที่ได้รับมาหลัง 6 เดือน ก็หมดค่า กลายเป็นดิจิทัลกงเต็ก ถึงตอนนั้นคงจะเข้าใจว่า ทำไมจึงมีผู้ออกมาคัดค้าน เพราะหนี้สินจำนำข้าวตั้งแต่สมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จนทุกวันนี้ รัฐบาลยังใช้ไม่หมด แล้วมีหลักประกันอะไรว่าร้านค้าจะได้เงินครบ
สำหรับพ่อค้า-แม่ค้า ร้านค้าที่ไมได้อยู่ในระบบยื่นภาษี จะไม่สามารถนำเงินดิจิทัลที่ได้รับไปแลกเป็นเงินสดได้ จะนำไปฝากธนาคารเพื่อออมเงิน ธนาคารก็ไม่รับ จะนำไปชำระหนี้หรือซื้อสินค้าออนไลน์ก็ไม่ได้ รวมถึงใช้ในการพนันและอบายมุขก็ไม่ได้เช่นกัน ต้องนำเงินดิจิทัลไปหมุนเวียนใช้จ่ายส่วนตัว หรือใช้ซื้อสินค้าหมุนเวียนมาขายต่อในร้าน แทนการจ่ายเงินสดเท่านั้น
จึงคาดว่าในท้องถิ่นที่ห่างไกลที่ส่วนใหญ่มีแต่พ่อค้า-แม่ค้า ร้านค้าขนาดเล็ก ร้านค้าในตลาดแผงลอย ที่หาเงินเช้า-รับประทานค่ำ อาจไม่จดทะเบียนเป็นร้านค้าในโครงการมากเหมือนสมัยแอปฯ เป๋าตังลุงตู่ เนื่องจากไม่ได้รับเป็นเงินสดทันที และเหมือนถูกบังคับให้นำไปใช้จ่าย ไม่สามารถออมเงินได้ การใช้เงินดิจิทัลในเมืองที่มีร้านค้าขนาดกลางและขนาดใหญ่ จึงสะดวกและมีสินค้า-บริการ ให้เลือกใช้เงินดิจิทัลได้มากกว่าในพื้นที่ชุมชนเล็กๆ
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเหตุผลที่ทำให้มีผู้คัดค้านด้วยความห่วงใย เพราะไม่ต้องการให้รัฐบาลสร้างหนี้สินที่รัฐบาลแทบจะไม่มีปัญญาจ่ายคืน และเกรงว่าพ่อค้า-แม่ค้า จะไม่ได้รับเงินจากรัฐบาล เช่นเดียวกับที่ชาวนาในโครงการรับจำนำข้าวเคยประสบมาแล้ว เราจึงต้องการให้รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ใช้นโยบายอื่นกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อช่วยเหลือคนไทยผู้มีรายได้น้อย แทนการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต
ขอเรียกร้องให้รัฐบาลและนายเศรษฐา ทวีสิน ให้ข้อมูลรายละเอียดที่ถูกต้องเกี่ยวกับนโยบายการแจกเงินดิจิทัลวอลเลตแก่ประชาชน และไม่บิดเบือนด้วยคำพูดที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด สร้างความเกลียดชัง ก่อให้เกิดความแตกแยกระหว่างคนไทยด้วยกัน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- หุ้นไทยสาหัส!! ภาคบ่ายดิ่งแรงหลุดแนวรับ 1,400 จุด หวั่นสงครามยืดเยื้อ
- ป.ป.ช. หวั่น ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ เสี่ยงทุจริตเชิงนโยบาย เล็งเชิญนักวิชาการ-หน่วยงานให้ข้อมูล
- ‘กสิกรไทย’ ส่งแอป ‘K PLUS Laos’ เปิดประสบการณ์ ‘การเงินดิจิทัล’ ในลาว
