Business

ตรวจซ้ำปั๊มน้ำมัน 1,542 แห่ง 34,589 หัวจ่าย พบผิด 11 ราย เจอทั้งเติมขาด-เติมเกิน

กรมการค้าภายใน ลุยตรวจซ้ำปั๊มน้ำมัน 1,542 แห่ง รวม 34,589 หัวจ่าย พบผิด 11 ราย อึ้งเจอเติมเกิน 7 หัวจ่าย สั่งแก้ไขทั้งหมด 

ร.ต.จักรา ยอดมณี รองอธิบดี กรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมัน (ปั๊มน้ำมัน) จำนวน 10 ราย ได้แก่ บางจาก ซัสโก้ พีโอ ออยล์ ทีพีไอ เซฟรอน โออาร์ เซลล์ พีที เอสโซ่ และปตท. ได้รายงานผลการตรวจหัวจ่ายน้ำมัน 4.5 แสนหัวจ่าย ในปั๊มน้ำมัน 24,711 แห่งเข้ามายังกรมเกือบ 100% แล้ว และที่ตรวจสอบพบไม่อยู่ในสภาพปกติ ทางปั๊มแจ้งว่าได้มีการปรับปรุงแก้ไขแล้ว

ปั๊มน้ำมัน

นอกจากนี้ ทางกรมฯ ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่สายตรวจออกตรวจสอบซ้ำรวม 80 ชุด ตั้งแต่วันที่ 8-17 สิงหาคม 2566 จำนวน 1,542 ปั๊ม รวม 34,589 หัวจ่าย พบผิด 11 ราย จำนวน 63 หัวจ่าย ซึ่งได้ดำเนินการตามกฎหมายแล้ว และจะตรวจสอบต่อเนื่องต่อไป

ทั้งนี้ ใน 11 ราย แยกเป็น 5 ราย จำนวน 7 หัวจ่าย มีความคลาดเคลื่อนในการเติมน้ำมัน คือ มีการเติมน้ำมันเกินไปกว่าปริมาณที่กำหนด ซึ่งถือว่ามีความคลาดเคลื่อน ได้ทำการผูกบัตรห้ามใช้ และสั่งให้แก้ไขให้ถูกต้อง ก่อนที่เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ และให้กลับมาใช้ได้ ส่วนอีก 6 ราย จำนวน 56 หัวจ่าย ได้ดำเนินคดีหัวจ่ายไม่มีคำรับรอง 4 ราย และจ่ายน้ำมันไม่เที่ยงตรง 1 ราย 2 หัวจ่าย

คน

ร.ต.จักรา ยังกล่าวถึงสถานการณ์ราคาปุ๋ยเคมีว่า มีการปรับขึ้นเล็กน้อย ตามต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่เมื่อเทียบกับช่วงที่เคยขึ้นไปสูงสุดเมื่อกลางปี 2565 ราคายังต่ำกว่าถึง 50% เช่น ยูเรีย โดยกรมฯ ได้ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการตรึงราคาจำหน่ายไปก่อน เพราะทุนไม่ได้ขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น เช่น ข้าวสารบรรจุถุง จากการสำรวจราคา พบว่า ข้าวหอมมะลิถุง 5 กิโลกรัม (กก.) มีราคาเฉลี่ยถุงละ 210 บาท เทียบปีก่อนเฉลี่ย 209 บาท ข้าวขาว 100% ราคาเฉลี่ย 117.94 บาท ปีก่อน 119 บาท ถือว่าราคายังเป็นปกติ และบางห้างมีการจัดโปรโมชันอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย สมาคมโรงสีข้าวไทย ก็ยืนยันว่าจะตรึงราคาให้นานที่สุด และปริมาณมีเพียงพอ ส่วนนมสดพาสเจอร์ไรซ์ ที่มีผลกระทบจากการพักรีดน้ำนม จากการหารือกับห้าง สินค้ามีเพียงพอ และบนชั้นวางอาจลดลงบ้าง แต่จะเร่งเติมสินค้าโดยเร็ว

batch ภาพ ข้าวสาร ผัก น้ำมัน ไข่ไก่

นายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ขณะนี้ผลผลิตผลไม้ภาคใต้กำลังออกสู่ตลาด โดยทุเรียนออกแล้ว 60% จากนี้จะเป็นช่วงของ 3 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งสถานการณ์ราคายังอยู่ในเกณฑ์ดี เกรด AB กก.ละ 145-150 บาท เกรด C กก.ละ 105-110 บาท เกรด D กก.ละ 90-95 บาท มังคุด ออกแล้ว 65% และจากนี้จะเป็นผลผลิตมังคุดของนครศรีธรรมราชและ 3 จังหวัดภาคใต้ โดยราคาปรับลดลงบ้าง จากปริมาณผลผลิตที่ออกมามาก

อย่างไรก็ตาม กรมฯ ได้เข้าไปช่วยเหลือโดยประสานผู้ประกอบการเข้าไปรับซื้ออย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเกรดรวมราคา 55-60 บาท/กก. กากลาย 30-37 บาท/กก. เกรดคละ 30-40 บาท/กก. และเกรดดำ 23-25 บาท/กก. และกำลังประสานผู้ประกอบการเข้าไปรับซื้อ เพื่อนำไปกระจายผ่านช่องทางต่าง ๆ เพิ่มขึ้นอีก

มังคุด

ทางด้านราคาลำไยภาคเหนือ ผลผลิตออกแล้ว 55% เกรดสดช่อ AA ราคา 35-40 บาท/กก. เกรด A ราคา 30-35 บาท/กก. เกรดรูดล่วง AA ราคา 23-32 บาท/กก. A ราคา 14-17 บาท/กก. และ B ราคา 5-9 บาท/กก. ซึ่งเกรด B กรมได้ประสานผู้ประกอบการและโรงอบเข้าไปรับซื้อแล้ว ปริมาณ 4.5 หมื่นตัน ราคา 5-6 บาท

ด้านสถานการณ์ราคาผักสด ส่วนใหญ่ทรงตัวและลดลง โดยถั่วฝักยาว ราคา 44 บาท/กก. กะหล่ำปลี 31 บาท/กก. มะนาวลูกละ 2.70 บาท กวางตุ้ง 30 บาท/กก. ผักกาดขาว 34-35 บาท/กก. ต้นหอม 88-90 บาท/กก. และผักชีเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 137 บาท/กก. เพราะได้รับผลกระทบจากฝนตก ทำให้ใบหัก

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo