กรมการท่องเที่ยว เปิดยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวมุสลิม 5 ปี ยกระดับผู้ประกอบการไทย สร้างเม็ดเงินท่องเที่ยว พร้อมส่งมอบต่อรัฐบาลใหม่ผลักดัน หวังปักหมุดไทยเป็น 1 ใน 5 จุดหมายปลายทางสำคัญปี 2570
กรมการท่องเที่ยว จัดการอบรมให้ความรู้เพื่อส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการด้านบริการเพื่อการท่องเที่ยว พร้อมชี้แจงแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวชาวมุสลิม ระยะ 5 ปี (ปี 2566-2570)
สำหรับแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริม และพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยว สำหรับนักท่องเที่ยวมุสลิม เป็นการดำเนินการตามยุทธศาสตร์การสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและแข่งขันได้อย่างยั่งยืนของรัฐบาล โดยเฉพาะในประเด็นการสร้างคุณค่าใหม่ในอนาคต
ประกอบกับรัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญกับการเปิดตลาดใหม่ในกลุ่มนักท่องเที่ยว
ชาวตะวันออกกลาง อันเป็นผลมาจากการเดินทางเยือนราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี เมื่อเดือนมกราคม เพื่อการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างราชอาณาจักรทั้งสอง และส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า รวมถึงการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ ก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19 ประเทศไทยได้ให้ความสำคัญนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลาง โดยการจัดทำเส้นทางท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวมุสลิม ทำให้
มีนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลาง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมาก
จากข้อมูลพบว่า ในช่วงปี 2560-2562 มีนักท่องเที่ยวชาวมุสลิมมาท่องเที่ยวในประเทศไทยจำนวน 875,043 คน 767,318 คน และ 727,318 คน ตามลำดับ ก่อให้เกิดรายได้ 72,739.64 ล้านบาท 61,795.44 ล้านบาท และ 57,381.19 ล้านบาท ตามลำดับ
นอกจากนี้ ยังพบว่าเป็นกลุ่มที่มีวันพักเฉลี่ยประมาณ 13 วันต่อทริป และมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า 6,000 บาทต่อคนต่อวัน ซึ่งสูงกว่านักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่นๆ จึงเป็นกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูง
ปัจจุบัน ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวชาวมุสลิมโลก อยู่ในอันดับที่ 4 ของประเทศที่ไม่ใช่รัฐอิสลาม (กลุ่มประเทศที่ไม่ใช่มุสลิม หรือ Non-OIC) โดยประเทศ 3 อันดับแรก ได้แก่ สิงคโปร์ อังกฤษ และไต้หวัน
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นจุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวชาวมุสลิม คือ การบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นพื้นฐานของผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม
ในปี 2561 นักท่องเที่ยวชาวมุสลิม มีการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวทั่วโลกประมาณ 1.89 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 5.87 ล้านล้านบาท และภายในปี 2567 คาดว่าจะใช้จ่ายสูงถึง 2.74 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 8.51 ล้านล้านบาท
ขณะที่นักท่องเที่ยวผู้หญิงชาวมุสลิม เป็นกลุ่มที่น่าสนใจ โดยในปี 2561 พบว่า 28% ของการเดินทางของผู้หญิงชาวมุสลิมเป็นการเดินทางคนเดียว โดยมีแรงจูงใจในการเดินทาง คือ การคำนึงถึงร้านอาหารฮาลาลเป็นสำคัญ (94%) การคำนึงถึงห้องละหมาดที่ให้บริการเฉพาะผู้หญิง (86%) การเลือกสถานเสริมความงามและสปาสำหรับผู้หญิงเท่านั้น (79%) การเลือกการเดินทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (73%)
สำหรับนักท่องเที่ยวชาวมุสลิมจากตะวันออกกลาง ประเทศที่เติบโตที่สำคัญที่สุดคือ ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เลบานอน และคูเวต โดยพฤติกรรมนักท่องเที่ยวชาวมุสลิมในประเทศไทยมีแรงจูงใจหลายประการ เช่น ต้องการพักผ่อนและสัมผัสสถานที่ใหม่ ๆ ชอบจับจ่ายซื้อสินค้า ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป เครื่องเทศ สมุนไพร แฟชั่น เครื่องประดับ เครื่องหนัง เครื่องแต่งกายของไทย และชอบรับประทานอาหารไทย การท่องเที่ยวเชิงเกษตร
นักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางยังนิยมเลือกโรงแรมมากกว่าที่พักอื่นๆ และ 68% สนใจในจุดหมายปลายทาง ที่มีผู้คนพลุกพล่านน้อยกว่าเมืองเล็ก ๆ และนิยมการใช้เทคโนโลยีเพิ่มขึ้น
เปิด 5 ยุทธศาสตร์ดึงนักท่องเที่ยวมุสลิม
ทั้งนี้ แผนยุทธศาสตร์ฯ ดังกล่าว ประกอบด้วย 5 ประเด็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญ คือ
1. การยกระดับผู้ประกอบการท่องเที่ยวเพื่อเข้าสู่มาตรฐาน
2. การพัฒนาสินค้า บริการ และกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวมุสลิม
3. สนับสนุนการนำเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว
4. บูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในการรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยว
5. เพิ่มโอกาสทางการตลาด และสร้างการรับรู้ความพร้อมของประเทศไทยในการรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวมุสลิม
นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า นักท่องเที่ยวชาวมุสลิมทั่วโลกเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดในโลก คิดเป็น 10% ของนักเดินทางทั้งหมด และมีความต้องการเฉพาะ ซึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวมุสลิมจำนวนมากเหล่านี้ เป็นตลาดเกิดใหม่ที่มีอัตราการเติบโตของประชากรสูง
กรมการท่องเที่ยว จึงได้บูรณาการการทำงานร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ประกอบการ สถาบันการศึกษา และเครือข่ายพันธมิตรต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันฮาลาล สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมการค้า การท่องเที่ยวฮาลาลไทย-อาเซียน ในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ฯ ดังกล่าว
เราได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่า ประเทศไทยจะเป็น 1 ใน 5 ของจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวชาวมุสลิมภายในปี 2570
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ส่อง ‘Gen Z-Millennial’ กับ 5 เทรนด์ท่องเที่ยวตลาดยุคใหม่
- บิ๊กตู่ ปลื้มเขตเศรษฐกิจ อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย มูลค่าการค้าพุ่ง เดินหน้าพัฒนาทุนมนุษย์ การท่องเที่ยว
- ข่าวดีนักท่องเที่ยวจีน ทำวีซ่าเข้าไทยง่ายขึ้น ลดเอกสาร-อนุมัติใน 7 วัน