รายงานระดับโลกฉบับใหม่เผย Stakeholder capitalism หรือทุนนิยมที่คำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ช่วยให้ธุรกิจครอบครัวได้เปรียบในการแข่งขัน
รายงานผลสำรวจธุรกิจครอบครัวทั่วโลกจาก KPMG Private Enterprise และ STEP Project Global Consortium เผยว่า ครอบครัวที่มีธุรกิจเป็นของตนเอง เป็นหนทางแห่งความยั่งยืนที่ยอดเยี่ยม เป็นผู้ที่สาธิตการปฏิบัติด้านความยั่งยืนได้ดีที่สุด สร้างคุณค่าร่วมกัน รวมทั้งสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและบรรลุการเติบโตในระยะยาว
รายงานผลสำรวจธุรกิจครอบครัวทั่วโลก เรื่อง เส้นทางอันราบรื่น ธุรกิจครอบครัวนำทางสู่ความยั่งยืน รวบรวมข้อมูลเชิงลึกจากประสบการณ์ส่วนบุคคลด้านความยั่งยืนของผู้นำธุรกิจครอบครัวที่มีชื่อเสียง รวมกับข้อมูลผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนที่รวบรวมจากธุรกิจครอบครัว 2,439 ราย ใน 70 ประเทศและเขตการปกครอง
รายงานดังกล่าวระบุว่า ความยั่งยืน เป็นแนวคิดที่หลายครอบครัวธุรกิจคุ้นเคย และเป็นส่วนสำคัญของมรดกของครอบครัว ซึ่งเป็นคำกล่าวที่มีการวิเคราะห์หลักในหลายภูมิภาคและภาคส่วนธุรกิจมาสนับสนุน แสดงให้เห็นว่าแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืนนั้นฝังลึกอยู่ในค่านิยมของครอบครัวและรูปแบบธุรกิจนี้
การลงทุนในความยั่งยืน และการดำเนินงานในแนวทางที่ยั่งยืน ไม่เพียงแต่ถูกมองว่าเป็น สิ่งที่ควรทำ เท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญและเป็นตัวกระตุ้นการเติบโตของบริษัทอีกด้วย
แอนเดรีย คาลาโบร ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการของ STEP Project Global Consortium กล่าวว่า บริษัทที่สามารถคาดการณ์และตอบสนองต่อความคาดหวังด้านสิ่งแวดล้อม และสังคมที่เพิ่มขึ้น มีแนวโน้มที่จะปรับปรุงชื่อเสียง ดึงดูดและรักษาผู้มีความสามารถระดับสูง และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ
ในปัจจุบัน ความยั่งยืนเป็นสิ่งจำเป็นทางธุรกิจที่ทุกองค์กรต้องให้ความสำคัญ และบริษัทที่ล้มเหลวในการปรับตัวอาจต้องดิ้นรนเพื่อแข่งขันในโลกใหม่ที่มีคาร์บอนต่ำ
ศศิธร พงศ์อดิศักดิ์ หุ้นส่วน และหัวหน้าฝ่าย Private Enterprise เคพีเอ็มจี ประเทศไทย กล่าวว่า รายงานผลสำรวจธุรกิจครอบครัวทั่วโลก นำเสนอหลักการณ์สำคัญ ที่จะช่วยให้ธุรกิจปลดล็อกประสิทธิภาพด้านความยั่งยืนได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ ยังเป็นสาระสำคัญที่สามารถใช้เป็นแนวปฏิบัติทางธุรกิจที่ยั่งยืน และมีความรับผิดชอบ ซึ่งประกอบไปด้วยบทเรียนมากมายที่นำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้ และแม้ว่าหลักการณ์ทุกข้อในรายงานจะมีความสำคัญ แต่การบูรณาการปัจจัยเหล่านี้เข้าด้วยกัน จะส่งผลต่อประสิทธิภาพที่ยั่งยืนของธุรกิจครอบครัวอย่างแท้จริง
ทอม แมคกินเนส ผู้นำระดับโลก ฝ่ายธุรกิจครอบครัว KPMG Private Enterprise เคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า ธุรกิจครอบครัวที่ประสบความสำเร็จ ในการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม ตลอดเส้นทางแห่งความยั่งยืนนี้ ไม่เพียงจะอยู่รอดเท่านั้น แต่จะประสบความสำเร็จในธุกิจด้วย
ส่วนธุรกิจครอบครัวที่ไม่ก้าวให้ทัน มีแนวโน้มที่จะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ทางเลือกสำหรับบริษัทต่าง ๆ อาจมีเพียงสองทางนี้เท่านั้น ธุรกิจครอบครัวหลายราย ประสบความสำเร็จโดยยึดหลักความยั่งยืนในหลายชั่วอายุคน และมีบทเรียนมากมายที่ทุกคนสามารถปรับใช้จากประสบการณ์เหล่านั้นได้
รายงานผลสำรวจธุรกิจครอบครัวทั่วโลกสรุปว่า ไม่มีใครสามารถแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและสังคมที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้โดยลำพัง
ที่สำคัญคือ ถึงเวลาแล้วที่บริษัทต่าง ๆ ทั่วโลก จะใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ และความรู้ของครอบครัวที่ทำธุรกิจ และทำในสิ่งที่ถูกต้องสำหรับคนรุ่นต่อไป ด้วยการกำหนดกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน ให้เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ธนาคารกรุงไทย’ เปิดตัว สินเชื่อเพื่อความยั่งยืน ให้วงเงิน 100% หนุนธุรกิจเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- ‘OR’ ผงาดทำเนียบธุรกิจที่มีความยั่งยืน ‘The Sustainability Yearbook 2023’
- ‘ปตท.’ ติดอันดับ ‘ดัชนีความยั่งยืน DJSI’ 11 ปีต่อเนื่อง เดินหน้าธุรกิจสู่พลังแห่งอนาคต