Business

‘เชลล์’ เผยความต้องการ LNG ในยุโรปเพิ่ม ตัวแปรหลักในตลาดระยะยาว

เชลล์ เปิดรายงาน “Shell’s LNG Outlook 2023” ชี้สถานการณ์ความต้องการ LNG ในยุโรปที่เพิ่มขึ้น ส่งผลเกิดการแข่งขันกับเอเชีย ขณะที่อุปทานใหม่ยังจำกัด กลายเป็นตัวแปรหลักระยะยาว

ปัจจุบันความต้องการก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสถานการณ์ความผันผวนทางเศรษฐกิจ และทางการเมืองระดับภูมิภาค ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างไปทั่วโลก รวมถึงความมั่นคงด้านพลังงาน ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

ความต้องการ LNG

ความต้องการ LNG จึงถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นเรื่องสำคัญในอุตสาหกรรมพลังงาน เพื่อเสริมความมั่นคงให้กับระบบพลังงานของประเทศ

บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด ร่วมแบ่งปันข้อมูลแนวโน้มมุมมองใน Shell’s LNG Outlook 2023 โดยนายเมห์ดี เชนูฟี Head of LNG Origination & Market Development ในงานสัมมนารายงานภาพรวมอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติเหลว ซึ่งจัดโดยสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย

รายงานดังกล่าว ระบุว่า ในปี 2565 หลายประเทศในยุโรปรวมถึงสหราชอาณาจักร นำเข้า LNG ถึง 121 ล้านตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 60% เมื่อเทียบกับปี 2564 เพื่อเป็นการรับมือกับสถานการณ์ก๊าซนำเข้าทางท่อจากรัสเซีย ที่มีปริมาณลดลงอย่างมาก หลังจากการรุกเข้าไปในยูเครนของรัสเซีย

Shell LNG Outlook 2023 01

นอกจากนี้ การที่การนำเข้า LNG จากจีนลดลง 15 ล้านตัน ประกอบกับการที่ผู้ซื้อในเอเชียใต้ลดการนำเข้าลง มีส่วนช่วยให้บรรดาประเทศในยุโรปมีก๊าซใช้อย่างพอเพียง และหลีกเลี่ยงภาวะขาดแคลนก๊าซได้

ทั้งนี้ การที่ยุโรปมีความต้องการใช้ LNG เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ได้ส่งผลให้ราคา LNG ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ และทำให้ตลาดพลังงานทั่วโลกเกิดความผันผวน

เมื่อปริมาณก๊าซที่นำส่งมาทางท่อจากรัสเซียน้อยลง LNG จึงกลายเป็นทรัพยากรหลักที่สำคัญต่อความมั่นคงทางพลังงานของยุโรปมากขึ้น โดยมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ในการพัฒนาสถานีรับ-จ่าย LNG แห่งใหม่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของยุโรปเป็นแรงหนุน

shutterstock 464835863

ในทางกลับกัน ประเทศจีนก็มีการพัฒนาจากการเป็นตลาดนำเข้าที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ไปสู่ประเทศที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น จนสามารถเข้ามาช่วยปรับสมดุลในตลาด LNG ของโลกได้

นายสตีฟ ฮิลล์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านการตลาดพลังงานของเชลล์ กล่าวว่า สงครามในยูเครน ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างในด้านความมั่นคงทางพลังงานทั่วโลก และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในตลาด ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรม LNG ของโลกในระยะยาว

สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ยิ่งตอกย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องมีการรับมือในเชิงยุทธศาสตร์มากขึ้น ด้วยการยืดระยะเวลาของอายุสัญญาให้ยาวขึ้น เพื่อรับประกันว่าจะมีแหล่งพลังงานที่ไว้วางใจได้ และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากราคาที่อาจพุ่งสูงขึ้น

Shell LNG Outlook 2023 02

ขณะที่การนำส่งก๊าซทางท่อจากรัสเซียที่ลดลงอย่างมาก ส่งผลให้เกิดการแทรกแซงเชิงนโยบาย และกฎระเบียบ ในลักษณะที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เนื่องจากรัฐบาลในยุโรป พยายามเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงาน และปกป้องเศรษฐกิจจากต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งรวมถึงการให้ความสำคัญในการนำเข้า LNG และการพัฒนาสถานีรับ-จ่าย LNG แห่งใหม่ ๆ อย่างรวดเร็ว

ในปี 2565 ความต้องการ LNG ในยุโรปเป็นปัจจัยกดดันให้ผู้นำเข้ารายอื่น ๆ ต้องลดการนำเข้าและเปลี่ยนไปใช้เชื้อเพลิงชนิดอื่นแทน ซึ่งส่งผลให้มีการปล่อยมลภาวะออกมามากขึ้น

นอกจากนี้ ราคา LNG ที่สูงขึ้นทั่วโลกนำไปสู่การลดการนำเข้า LNG ในเอเชียใต้ โดยปากีสถานและบังคลาเทศหันไปนำเข้าน้ำมันเตามากขึ้น เพื่อลดผลกระทบจากภาวะขาดแคลนพลังงาน ส่วนอินเดียก็หันไปใช้ถ่านหินเพิ่มขึ้น

shutterstock 2199516147

ด้านปริมาณการค้า LNG ทั่วโลกในปี 2565 เพิ่มขึ้นถึงระดับ 397 ล้านตัน โดยผู้เกี่ยวข้องในตลาด LNG คาดว่าความต้องการ LNG จะขึ้นไปแตะ 650 ถึงกว่า 700 ล้านตันต่อปีภายในปี 2583 จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการลงทุนในโครงการผลิต LNG ให้มากขึ้น เพื่อเลี่ยงปัญหาอุปสงค์-อุปทานที่คาดว่าจะก่อตัวในช่วงปลายทศวรรษ

การมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่หลากหลาย เข้ามาช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในห่วงโซ่อุปทานของก๊าซธรรมชาติและ LNG เป็นสิ่งที่ช่วยเสริมบทบาทของก๊าซธรรมชาติและ LNG ในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน

อีกทั้งอุตสาหกรรมยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาและปรับใช้ก๊าซที่ผลิตจากกระบวนการลดคาร์บอน รวมทั้งก๊าซธรรมชาติจากแหล่งพลังงานทดแทน ก๊าซธรรมชาติสังเคราะห์ ไฮโดรเจน และแอมโมเนีย ทั้งนี้ เพื่อส่งมอบความมั่นคงทางพลังงานที่ยั่งยืนมากขึ้นในอนาคต

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo