คปภ. สั่งเชือด! เพิกถอนใบอนุญาต “นายหน้าประกันภัย” กรณีหลอกขายประกันโควิด-19 แบบเจอ จ่าย จบ
จากกรณี เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลชุดปฏิบัติการ 5 เข้าจับกุมนายหน้าประกันวินาศภัยรายหนึ่ง โดยถูกจับกุมตัวได้ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ตามหมายจับศาลแขวงชลบุรี ที่ 292/2565 ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2565
ในความผิดฐานฉ้อโกง กระทำการโดยเจตนาทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง และกระทำการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยกระทำต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
ซึ่งในเบื้องต้นนายหน้าประกันวินาศภัยรายดังกล่าว ได้ให้การรับสารภาพต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรดอนหัวฬ่อ จังหวัดชลบุรี ว่าได้กระทำความผิดจริง ด้วยการเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 แบบเจอ จ่าย จบ ให้แก่ผู้เอาประกันภัยผ่านแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก แต่ไม่ดำเนินการให้มีการทำสัญญาประกันภัยเกิดขึ้นแต่อย่างใด
พบกระทำผิดจริง
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เปิดเผยว่า สำนักงาน คปภ. เป็นหน่วยงานของรัฐมีบทบาทหน้าที่ในการกำกับ และส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย รวมถึงการให้ความคุ้มครองสิทธิประโยชน์ด้านประกันภัยกับประชาชน
ซึ่งการกระทำของบุคคลดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ในการนำระบบประกันภัยเข้าไปบริหารความเสี่ยงภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนเป็นอย่างมาก
ดังนั้นจึงได้สั่งการให้สายตรวจสอบคนกลางประกันภัย ทำการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับใบอนุญาตของผู้ถูกจับกุม พบว่า มีใบอนุญาตเป็นนายหน้าประกันวินาศภัยและมีใบอนุญาตเป็นตัวแทนประกันชีวิต และใบอนุญาตยังไม่หมดอายุ จึงได้สั่งการให้สายกฎหมายและคดี ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง
ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายหน้าประกันภัยรายนี้ ได้ยอมรับกับพนักงานเจ้าหน้าที่ สำนักงาน คปภ. ว่าได้รับเงินค่าเบี้ยประกันภัยจากผู้เอาประกันภัย และไม่ได้นำส่งให้บริษัทประกันภัยจริง
ประกอบกับได้รับสารภาพกับเจ้าพนักงานตำรวจตามบันทึกการจับกุมของสถานีตำรวจภูธรดอนหัวฬ่อ จังหวัดชลบุรี ลงวันที่ 8 มีนาคม 2566 แล้ว
สั่งเพิกถอนใบอนุญาตการเป็นตัวแทน เป็นนายหน้าประกันภัย
การกระทำดังกล่าวของนายหน้าประกันภัยรายนี้ จึงเป็นการดำเนินงานที่ก่อหรืออาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัย ผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัย หรือประชาชน อันอาจเป็นความผิดตามมาตรา 76/1 (6) แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562
นายทะเบียนจึงได้มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตเป็นนายหน้าประกันวินาศภัยและใบอนุญาตเป็นตัวแทนประกันชีวิตแล้ว
ทั้งนี้ผู้ที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตรายดังกล่าว จะไม่สามารถกระทำการเป็นตัวแทน เป็นนายหน้าประกันภัย หรือขอรับใบอนุญาตใหม่ได้ภายใน 5 ปี นับแต่วันที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาต หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับความผิดที่เข้าข่ายการฉ้อฉลประกันภัย ตามมาตรา 108/3 แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 ที่ระบุว่า ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการชักชวน ชี้ช่อง หรือจัดการให้ผู้อื่นนั้นทำสัญญาประกันภัยกับบริษัท แต่ไม่ดำเนินการให้มีการทำสัญญาประกันภัยเกิดขึ้น และโดยการหลอกลวงดังว่านั้น ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ตรวจสอบใบอนุญาตก่อนทำประกัน – ชำระเบี้ยประกันต้องมีใบเสร็จ
ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ในฐานะหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย รวมถึงการให้ความคุ้มครองสิทธิประโยชน์ด้านประกันภัยกับประชาชน จะไม่นิ่งเฉยต่อบุคคลใด ๆ ที่สร้างความเสียหายและบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชน ที่มีต่อระบบประกันภัยไทย โดยจะดำเนินการตามกฎหมายโดยเคร่งครัดในทุกมิติ
นอกจากนี้หากมีตัวแทนหรือนายหน้าประกันวินาศภัยมาเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันภัย ขอให้ประชาชนตรวจสอบใบอนุญาตเป็นตัวแทนหรือนายหน้าประกันวินาศภัยได้ที่ www.oic.or.th และหากมีการชำระเบี้ยประกันภัยจะต้องได้รับเอกสารแสดงการรับเงินของบริษัททุกครั้ง
ทั้งนี้ หากพบเห็นพฤติกรรมการหลอกลวงด้านประกันภัย ให้รีบแจ้งข้อมูลผ่านสายด่วน คปภ. 1186
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- รองานราชการมาทางนี้! กลาโหม รับสมัคร ‘ข้าราชการทหาร’ 29 มี.ค—30 เม.ย. เช็กรายละเอียดที่นี่
- กรมประมง ประกาศ ‘ปิดอ่าวฝั่งทะเลอันดามัน’ 4 จังหวัดภาคใต้ 3 เดือน ควบคุมการทำประมงฤดูปลาวางไข่
- กทม. ย้ำ จับจริง ปรับจริง ‘ขับขี่-จอดรถบนทางเท้า’ ปรับ 5 พัน หรือถูกดำเนินคดี