Economics

ดับฝันว่าที่มหาเศรษฐีใหม่! กองสลากฯ เคาะมติแก้ปัญหาโก่งราคา

“บอร์ดกองสลากฯ” เคาะออกสลากชุดแบบคละเลข หวังแก้ปัญหาผู้ค้ารวมเลขชุดโก่งราคา เริ่มงวดแรก 1 มีนาคมนี้

พ.ต.อ.บุญส่ง จันทรีศรี ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยภายหลังการจัดทำประชามติกับทุกภาคส่วนเพื่อแก้ไขปัญหาราคาสลากแพงว่า จากการทำประชามติ พบว่า เสียงส่วนใหญ่ต้องการให้มีสลากรวมชุด เพื่อไม่ให้เกิดรวมชุดเองของผู้ค้า เพราะการรวมชุดเอง จะทำให้ราคาสลากปรับเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าราคาที่กำหนดที่ใบละ 80 บาท ดังนั้นจากการศึกษาอย่างละเอียดแล้ว ทางที่ประชุมคณะกรรมการสลากฯ จึงมีมติให้งวดวันที่ 1 มีนาคม 2562 มีการจำหน่ายสลากแบบใหม่จำนวน 57 ล้านใบ จากทั้งหมด 90 ล้านใบ จำหน่ายเฉพาะผู้ค้าที่จองซื้อผ่านระบบออนไลน์ 164,000 คน

บุญส่ง กองสลาก2

สำหรับการจัดสรรนั้น ผู้ค้าจะได้รับการจัดสรรสลากจำนวน 5 เล่ม เป็นสูตร 2/2/1 ฉบับ คือ ผู้ค้าจะได้รับสลากที่เลขเหมือนกันทั้ง 6 หลัก 2 เล่ม และอีก 2 เล่ม จะมีเลข 6 หลักที่ไม่ซ้ำกับ 2 เล่มแรกและไม่ซ้ำกันเอง หรือแบบคละเลข และฉบับเดี่ยว 1 เล่ม รวมเป็น 5 เล่มเช่นเดิม ทำให้ผู้ค้าสามารถจัดรวมชุดจำหน่ายได้จำนวน 2 ใบ เท่านั้น โดยจำหน่ายในราคา 160 บาท

“การที่ผู้ค้าจะรวมชุดมากกว่า 2 ใบมันก็เป็นไปได้ที่จะเอามาชนกัน แต่ก็เป็นไปได้ยาก เพราะมีต้นทุนมหาศาล เพราะสลากจะกระจายไปทั่วประเทศ โดยจะหาเลขเดียวกันให้เจอได้มีอัตราส่วน 1 ต่อแสน ฉะนั้นตอนนี้ตามระบบนี้คนที่ซื้อรวมชุดจะถูกรางวัลที่ 1 สูงสุด 12 ล้านบาท แต่ก็บอกไม่ได้ว่าเป็นการอวสานถูกหวย 90 ล้านบาทหรือไม่ หากเค้าหากันเจอ” พ.ต.อ.บุญส่ง กล่าว

บุญส่ง กองสลาก4

นายธนวรรธน์ พลวิชัย โฆษกประจำสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า จะใช้เวลาในการประเมินผล 3 เดือน หรือสิ้นสุดในเดือนพฤษภาคม และจากนั้นจะพิจารณาว่า จะมีการรูปแบบการรวมชุดหรือไม่ หากไม่เป็นที่ต้องการของผู้ค้าและผู้ซื้อ หรือยังแก้ไขปัญหาสลากแพงไม่ได้

ทั้งนี้ ยืนยันว่า การรวมชุดดังกล่าว ไม่ได้เป็นการมอมเมาประชาชน แต่ต้องการจะกระจายรางวัลให้กับผู้ซื้อให้มากขึ้น และแก้ไขปัญหาสลากแพงให้ได้ ขณะที่แนวทางนี้เชื่อว่าจะทำให้สามารถคัดกรองผู้ค้าตัวจริงที่ต้องการจำหน่ายสลากจริงแม้ว่ายอดจองซื้อสลากจะลดลง แต่จะสามารถสกัดผู้ค้าตัวปลอมออกไปได้ โดยในปัจจุบันผู้ค้าที่ได้รับโควต้ามีสัดส่วนจำนวน 35% ของจำนวนสลากทั้งหมด 90 ล้านใบ หรือประมาณ 33 ล้านใบ และผู้ค้าที่เป็นรายย่อยจำนวน 65% หรือ 57 ล้านใบ

 

ภาพจากสถานีข่าวกระทรวงการคลัง : Ministry of Finance News Station

Avatar photo