จากเหตุการณ์ถังก๊าซธรรมชาติ (NGV) ในรถแท็กซี่ระเบิด ขณะเติมก๊าซ เมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา เป็นเหตุให้คนขับรถแท็กซี่และพนักงานเติมก๊าซได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากรถตู้คันดังกล่าวมีอายุเกิน 10 ปี ส่งผลให้ถังก๊าซหมดอายุการรับรองคุณภาพนั้น
นายประยูร ช่วยแก้ว รักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในกำหนดมาตรการกวดขันจับกุมรถตู้โดยสารสาธารณะที่มีอายุการใช้งานเกิน 10 ปี วันนี้ (18 ม.ค.) ว่า
ขสมก. ได้ร่วมมือกับกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการกำหนดมาตรการกวดขันจับกุมผู้ประกอบการรถตู้โดยสารที่ฝ่าฝืนนำรถตู้ที่มีอายุการใช้งานเกิน 10 ปี มาวิ่งให้บริการประชาชน เพื่อสร้างความปลอดภัยและความมั่นใจให้กับประชาชนผู้ใช้บริการรถตู้โดยสาร
เนื่องจาก ขสมก. เป็นหน่วยงานที่ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางด้วยรถตู้โดยสาร ในเส้นทางหมวด 1 กรุงเทพฯ-จังหวัดที่มีเส้นทางต่อเนื่อง จึงมีความห่วงใยผู้ใช้บริการรถตู้โดยสาร เพราะปัจจุบันยังมีผู้ประกอบการจำนวนหนึ่ง ฝ่าฝืนนำรถตู้โดยสารที่มีอายุเกิน 10 ปี ออกมาวิ่งให้บริการประชาชน
โดยการกระทำดังกล่าวถือว่าผิดระเบียบของกรมการขนส่งฯ ที่ห้ามมิให้ผู้ประกอบการนำรถตู้โดยสารที่มีอายุการใช้งานเกิน 10 ปีมาวิ่งให้บริการประชาชน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 เป็นต้นไป เนื่องจากรถตู้โดยสารดังกล่าวมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุค่อนข้างสูง เพราะระบบบังคับเลี้ยว ระบบเบรก ระบบไฟฟ้า ระบบเชื้อเพลิง และสายไฟภายในรถจะมีการเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน รวมทั้งถังก๊าซก็จะหมดอายุการรับรองคุณภาพ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดอุบัติเหตุ
จากสถิติรถตู้โดยสารที่มีอายุการใช้งานเกิน 10 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 – 2561 พบว่ามีจำนวน 1,993 คัน ซึ่งผู้ประกอบการได้นำรถตู้โดยสารใหม่ มาเปลี่ยนทดแทนรถตู้โดยสารคันเดิมแล้ว จำนวน 340 คัน แต่คงเหลือรถตู้โดยสารที่มีอายุการใช้งานเกิน 10 ปี จำนวน 1,653 คัน และมีบางส่วนฝ่าฝืนนำรถออกวิ่งให้บริการประชาชนอยู่