“เด็กเล็ก” เป็นอีกกลุ่มเสี่ยงจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 กรมอนามัย จึงเร่งสร้างความรู้แก่พ่อแม่ ผู้ปกครองและครูพี่เลี้ยง พร้อมแนะแนวทางการดูแลเด็กกลุ่มเสี่ยง และเด็กที่มีโรคประจำตัว ป้องกันปัญหามลพิษทางอากาศ
พญ. พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า เด็กเล็กเป็นหนึ่งในกลุ่มเสี่ยงที่อาจได้รับผลกระทบต่อสุขภาพ ในระยะยาวได้ เด็กที่สัมผัสกับมลพิษทางอากาศในระดับสูงอาจมีความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังในระยะยาว เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ รวมทั้งยังส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางระบบประสาท และความสามารถทางปัญญาของเด็ก
ทั้งนี้เนื่องจากปอดของเด็กยังพัฒนาไม่เต็มที่ ทำให้มีอัตราหายใจที่ถี่กว่า ดังนั้น พ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูพี่เลี้ยงควรดูแลเด็กทั้งกลุ่มปกติทั่วไป และเด็กที่มีโรคประจำตัวที่ต้องได้รับการดูแลและสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด
แนวทางดูแลเด็กเล็กให้ปลอดภัยจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5
- ติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในเว็บไซต์กรมอนามัย www.anamai.moph.go.th หรือแอพพลิเคชั่น Air4thai ของกรมควบคุมมลพิษ
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมนอกบ้าน ในช่วงที่ปริมาณ PM2.5 ตั้งแต่ระดับสีเขียว (26-37 ไมโครกรัม/ ลูกบาศก์เมตร) ขึ้นไป
- ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ 6 – 8 แก้วต่อวัน
- เด็กที่มีโรคประจำตัวควรดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด และสังเกตอาการ หากพบว่ามีอาการผิดปกติ เช่น ไอบ่อย หายใจลำบาก หายใจถี่ หายใจไม่ออกให้รีบไปพบแพทย์
- หากค่า PM2.5 อยู่ในระดับสีแดง (91 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร) ขึ้นไป ห้ามออกนอกบ้าน
- ปลูกต้นไม้เพื่อดักฝุ่นละออง และมลพิษอากาศ
- งดกิจกรรมที่ก่อให้เกิด PM2.5 เช่น การเผาใบไม้ เผาขยะ
- ไม่ติดเครื่องยนต์เป็นเวลานานในบริเวณบ้าน
- ปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด และเปิดพัดลมให้อากาศหมุนเวียน
ในวันเดียวกันนี้ (17 ม.ค.) นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงพื้นที่สร้างความตระหนักรับรู้เรื่องฝุ่นละออง PM 2.5 และแจกหน้ากากอนามัย ที่สถานีตำรวจนครบาลพญาไท สำนักงานเขตราชเทวี และด่านการทางพิเศษดินแดง โดยมอบสื่อรณรงค์เรื่องฝุ่นละออง PM 2.5 และหน้ากากอนามัย ให้กับผู้ว่าการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และประทานบอร์ดการทางพิเศษแห่งประเทศไทย