The Bangkok Insight

‘ฟินน์ อโศก’ เปิดทำเลฮอตต้นสุขุมวิทฝั่งใต้

“ฟินน์ ดิเวลลอปเม้นท์” บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์น้องใหม่ ลุยตลาดนิชพรีเมียมเปิดทำเลทองใหม่ “ต้นสุขุมวิทฝั่งใต้” (ซอยเลขคู่) เจาะใจคนเมืองที่รักธรรมชาติ ด้วยการตอบโจทย์การใช้ชีวิตครบ 360 องศา ในซอยสุขุมวิท 10 พัฒนาคอนโดโลว์ไรส์สไตล์โมเดิร์น ทรอปิคอลใจกลางอโศก เปิดราคาเริ่มต้น 4.5 ล้านบาท/ยูนิต เฉลี่ย 1.85 แสนบาทต่อตารางเมตร

55E48234 73DD 4DEF BB0A 74FD8669DF53
แถลงข่าวเปิดโครงการ “ฟินน์ อโศก”

นายพงศธร จอม สาลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟินน์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ประกาศแผนดำเนินธุรกิจปี 2562 เตรียมรุกอสังหาฯ เต็มที่ หลังประสบความสำเร็จในการเปิดตัวคอนโดโลว์ไรส์ 2 แห่ง ภายใต้แบรนด์ ‘ฟินน์’ พร้อมชูไฮไลท์โครงการใหม่ล่าสุด ‘ฟินน์ อโศก’ มูลค่าโครงการกว่า 1,800 ล้านบาท ตึกคู่สุดหรูแบบ Affordable Luxury บนทำเลทองเกือบ 2 ไร่ บนสุขุมวิทซอย 10 ห่างจาก BTS อโศก 550 เมตร พร้อมต้นจามจุรียักษ์ อายุกว่า 60 ปี

CDD9D121 FD34 4F39 AE14 EFFFC6D975CF
โครงการฟินน์ อโศก

โดยทำเลโครงการในซอยสุขุมวิท 10 สามารถเดินเชื่อมต่อไปยังสวนเบญจกิตติ ด้วยระยะทางเพียง 200 เมตร และเส้นทางเดินรอบทะเลสาบซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาพื้นที่เป็นสวนป่าเบญจกิตติ สวนที่ใหญ่ที่สุดใจกลางกรุงเทพฯ ด้วยพื้นที่ถึง 450 ไร่

โครงการนี้เปิดขายในราคาเริ่มต้น 4.5 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร 1.85 แสนบาท มีรูปแบบห้องให้เลือก 6 ประเภท ขนาดเริ่มต้น 24-49 ตารางเมตร และขนาดใหญ่ 104-120 ตารางเมตร ราคาสูงสุด 11.7 ล้านบาท จะเปิดพรีเซล์ วันที่ 19-20 มกราคมนี้ ที่สำนักงานขายโครงการ คาดว่าจะได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก และสามารถปิดการขายได้ภายในครึ่งปีแรก โดยปัจจุบันมียอดแสดงความสนใจเกินกว่า 10% แล้ว 

8D45366F 266B 4469 8E8E 512308CC68D6
พื้นที่ส่วนกลาง โครงการ ฟินน์ อโศก

นอกจากนี้ บริษัทได้พัฒนา 2 โครงการก่อนหน้านี้ คือ ‘ฟินน์ อารีย์’ มูลค่าโครงการกว่า 350 ล้านบาท ปัจจุบันปิดการขาย และโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมดแล้ว และโครงการ ‘ฟินน์ สุขุมวิท31’ มูลค่าโครงการกว่า 800 ล้านบาท สามารถปิดการขายแล้วกว่า 90% โดยอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และคาดว่าจะแล้วเสร็จ และทำการโอนกรรมสิทธิ์ภายในไตรมาสที่ 4 ปีนี้

บริษัทฯ มีแผนเดินหน้าพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์อีก 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 4,000 ล้านบาท โดยเป็นโครงการประเภทคอนโดมิเนียม และโรงแรม

ด้านนายไพทยา บัญชากิติคุณ Partner บริษัท อะตอม ดีไซน์ ผู้ออกแบบโครงการ ฟินน์ อโศก กล่าวว่า ได้ออกแบบในแนวคิดโมเดิร์น ทรอปิคอล ฟื้นฟูสมดุลย์ของการใช้ชีวิตใจกลางเมือง ด้วยการเชื่อมหนึ่งในศูนย์กลางธุรกิจที่หนาแน่นที่สุดเข้ากับความร่มรื่นของธรรมชาติ แรงบันดาลใจในการออกแบบ ฟินน์ อโศก เปรียบดั่งโอเอซิสแห่งความสงบร่มรื่นใจกลางความเร่งรีบของย่านธุรกิจ CBD โดดเด่นที่เส้นโค้งเว้าของอาคารรับวิวสวนสวยได้ทุกห้อง ตัวอาคารโอบล้อมต้นจามจุรียักษ์ อายุกว่า 60 ปี ที่แผ่กิ่งก้านให้ร่มเงาอย่างงดงาม และสร้างบรรยากาศการหลอมรวมกับพื้นที่สีเขียวอย่างน่าประทับใจ

ฟินน์ อโศก เป็นโครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ตกแต่งพร้อมอยู่สูง 8 ชั้น 2 อาคาร ห้องชุดรวมทั้งหมด 263 ห้อง โดยแบ่งเป็น อาคาร A จำนวน 144 ห้อง และอาคาร B จำนวน 119 ห้อง พิถีพิถันในการเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ และสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งภายในและภายนอกอาคารอย่างครบครัน อาทิ ห้องรับรองแขก พื้นที่ทำงานรวม ห้องฟิตเนส ห้องขี่จักรยานจำลอง ห้องโยคะ ห้องดูหนัง ศาลาจามจุรี สระว่ายน้ำความยาว 25 เมตร สระเด็กและถ้ำจำลอง และไฮไลท์สิ่งอำนวยความสะดวกบนชั้นดาดฟ้า พื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตร

7EE9D4B9 26FD 4E3F 8B55 EBA7BBA8900F
แถลงข่าวเปิดโครงการฟินน์ อโศก

เจาะทำเลทอง ‘ซีบีดีต้นสุขุมวิท’ 

ด้านนางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าสำหรับภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะโซนสุขุมวิท ต่อ CBD อื่นๆ ปลายปีที่ผ่านมา เทียบกับปี 2562 และ ทำเลทอง คอนโด Demand vs Supply โซนสุขมวิทยังคงเป็นทำเลที่นิยมของตลาดที่อยู่อาศัย และตลาดเช่า เนื่องจากใกล้เส้นรถไฟฟ้า และราคาของคอนโดมิเนียมในสุขุมวิทปัจจุบันสูงมาก หลายๆโครงการเปิดตัวที่ราคากว่า 2.5 แสนบาทต่อตารางเมตร 

จากที่มีโครงการเปิดใหม่หลายแห่งในเส้นสุขุมวิท โดยเฉพาะโซนสถานีบีทีเอสพร้อมพงษ์ และทองหล่อ ทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกในทำเลเดียวกันจำนวนมาก ผู้บริโภคจึงจำเป็นต้องหาทำเลที่มี Supply น้อยลง และอยู่ในราคาที่จับต้องได้เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาในการตัดสินใจเลือกซื้อ

สำหรับตลาดที่อยู่อาศัย ที่จะมาแรงในปี 2562 คืออสังหาริมทรัพย์แนวราบ ได้แก่ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม โดยเน้นไปในโซน mid-town และชานเมืองมากขึ้น เนื่องจากราคาที่ดินที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในใจกลางเมือง ทำให้ทำเลใน CBD ส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียมระดับซุเปอร์ลักชัวรี่ และ Branded Residence ซึ่งมีราคาสูง 

แนวโน้มของอสังหาฯ ปี 2562 ราคา ทำเล และรูปแบบของโครงการ คือสิ่งที่ผู้พัฒนาจะต้องปรับให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภค คอนโดมิเนียมประเภท Low-rise จึงกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการที่อยู่อาศัยในเมือง และราคาไม่สูงมากนัก 

ด้านราคาที่ดินยังคงสูงขึ้น โดยเฉพาะตามเส้นรถไฟฟ้าสายใหม่ๆ ที่กำลังก่อสร้าง และอาจมีโอกาสเห็นการซื้อขายที่ดินราคาเกิน 3 ล้านบาทต่อตารางวาในทำเลเดิม คือ ใจกลางลุมพินี เนื่องจากมีที่ดินแบบ Freehold เหลือไม่มากแล้ว

สำหรับพฤติกรรมของผู้บริโภค ผู้บริโภคมีตัวเลือกในตลาดมากขึ้น ซึ่งทำให้เกิดการเปรียบเทียบ ผู้บริโภคมองคอนโดมิเนียมมากกว่าการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเท่านั้น แต่ต้องเป็นการลงทุนที่ดีด้วย เน้นเรื่องมูลค่าเพิ่มในอนาคต ซึ่งต่างจากเดิมที่จะมองแยกสองด้าน คือ มองว่าคอนโดมิเนียมที่จะซื้อนั้นทเหมาะกับอยู่เอง หรือ มองว่าจะซื้อเพื่อปล่อยเช่าหรือขายต่อ ผลตอบแทนจะเป็นอย่างไร

ทางด้านผู้พัฒนาอสังหาฯ ก็ต้องปรับเปลี่ยนมาขายไลฟ์สไตล์มากขึ้น เพื่อชูความแตกต่างของแต่ละโครงการเพื่อตอบสนองความต้องการที่มากขึ้นของผู้บริโภค

Avatar photo