รัฐบาลไทยอาจต้องพิจารณาตัวเลขนี้ให้ดี เมื่อมีรายงานจากสำนักข่าวซินหัวว่า ตัวเลขการส่งพัสดุจากมณฑลเจ้อเจียง (ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่อาลีบาบา และบริษัทด้านการจัดส่งสินค้ายักษ์ใหญ่ของจีนจำนวนมาก) ของปีนี้ มีมากกว่า 10,000 ล้านชิ้น
ตัวเลขนี้ได้รับการเปิดเผยจาก Wang Deben ผู้บริหารของไปรษณีย์ในมณฑลดังกล่าวที่ระบุว่า สินค้ากว่า 10,000 ล้านชิ้นนี้ไม่ได้ถูกส่งไปยังชาวจีนแผ่นดินใหญ่แต่เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่พื้นที่สำคัญ ๆ ของโลกอย่างเกาะฮ่องกง เกาะมาเก๊า และไต้หวัน ก็เป็นจุดหมายปลายทางสำคัญมากจุดหมายหนึ่ง โดยมีสินค้าถูกส่งไปยัง 3 เกาะนี้มากกว่า 200 ล้านชิ้น เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 117%
ส่วนพัสดุที่ส่งไปยังเมืองต่าง ๆ เพิ่มขึ้นเป็น 1.8 พันล้านชิ้น หลังจากที่บริษัทผู้ให้บริการจัดส่งสินค้าสามารถขยายหน้าร้านของตัวเองให้ครอบคลุมพื้นที่ต่าง ๆ มากขึ้น
แต่หากติดตามให้ดี จะพบว่า ตัวเลขการส่งออกสินค้าระดับนี้เกิดขึ้นได้จากกลยุทธ์หลาย ๆ อย่างของอาลีบาบาที่ผ่านมา ยกตัวอย่างเช่น การไปจับมือกับรัฐบาลเบลเยียมสร้างฮับด้านการส่งออกเพื่อให้บริษัทในเบลเยียมสามารถส่งสินค้าออกไปต่างประเทศได้ผ่านบริษัทลูกอย่างไช่เหนียว (Cainiao) โดยจะให้ทางไช่เหนียวมาเปิดคลังสินค้าในเมือง ลีแยฌ (Liege) ซึ่งถือเป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศเบลเยียมด้วย
โดยตัวเลขที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นก็คือ อาลีบาบาในเมืองลีแยฌจะช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ ในเบลเยียมสามารถส่งออกสินค้าไปยังจีนแผ่นดินใหญ่ได้ง่ายขึ้น พร้อมตั้งเป้าไว้ว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า สินค้าจากทั่วโลกจะถูกนำเข้าไปขายในจีนผ่านช่องทางที่ง่ายและสะดวกนี้ คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 2 แสนล้านดอลลาร์เลยทีเดียว
แต่หากมองกลับกันระหว่างตัวเลขของสินค้าที่ส่งออก กับมูลค่าสินค้าที่นำเข้านั้น จะเห็นได้ว่าการค้าข้ามพรมแดนกลายเป็นช่องทางที่เป็นประโยชน์กับพ่อค้าแม่ขายชาวจีนยิ่งกว่าใคร โดยเฉพาะภาคเกษตรกรรม ที่สำนักข่าวซินหัวระบุว่า กลุ่มโลจิสติกส์เหล่านี้สามารถช่วยสร้างยอดขายให้กับสินค้าเกษตรจากจีนได้มากถึง 100,000 ล้านหยวน หรือประมาณ 14,500 ล้านดอลลาร์เลยนั่นเอง
